๑ ยอห์น ๑:๖ |
ถ้าเราอ้างว่ามีสามัคคีธรรมกับพระองค์แต่ยังดำเนินในความมืด เราก็โกหกและไม่ได้ดำเนินชีวิตโดยความจริง |
|
๑ ยอห์น ๒:๙-๑๗ |
[๙] ผู้ใดที่อ้างว่าอยู่ในความสว่างแต่เกลียดชังพี่น้องของตนก็ยังอยู่ในความมืด[๑๐] ผู้ที่รักพี่น้องของตนก็อยู่ในความสว่าง และไม่มีอะไรในผู้นั้น ที่ทำให้ตัวเขาสะดุด[๑๑] แต่ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของตนก็อยู่ในความมืดและเดินวนเวียนในความมืด เขาไม่รู้ว่าตนกำลังไปไหนเพราะความมืดทำให้เขาตาบอด[๑๒] ลูกที่รัก ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านทั้งหลาย เพราะบาปของท่านได้รับการอภัยแล้วเนื่องด้วยพระนามของพระองค์[๑๓] บิดาทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านได้รู้จักพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่ปฐมกาล หนุ่มสาวทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านได้ชนะมารร้ายนั้น[๑๔] ลูกที่รัก ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านทั้งหลาย เพราะท่านได้รู้จักพระบิดา บิดาทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านได้รู้จักพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่ปฐมกาล หนุ่มสาวทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านเข้มแข็ง และพระวจนะของพระเจ้าดำรงอยู่ในท่าน และท่านได้ชนะมารร้ายนั้น[๑๕] อย่ารักโลกหรือสิ่งใดๆ ในโลก ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดาก็ไม่ได้อยู่ในผู้นั้น[๑๖] เพราะทุกสิ่งในโลกไม่ว่าจะเป็นตัณหาของเนื้อหนัง ตัณหาของตา และความทะนงในสิ่งที่ตนมีหรือทำ ไม่ได้มาจากพระบิดาแต่มาจากโลก[๑๗] โลกกับความปรารถนาต่างๆ ของโลกก็ล่วงไป แต่ผู้ที่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าดำรงอยู่ตลอดกาล |
|
เอเฟซัส ๔:๓๑ |
จงขจัดความขมขื่นทั้งสิ้น ความเกรี้ยวกราด และความโกรธแค้น การทะเลาะและการใส่ร้ายป้ายสี พร้อมทั้งการมุ่งร้ายทุกรูปแบบ |
|
สุภาษิต ๘:๑๓-๒๕ |
[๑๓] ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าคือการเกลียดชังความชั่ว เราชิงชังความหยิ่งยโส ความจองหอง การประพฤติชั่ว และวาจาตลบตะแลง[๑๔] คำปรึกษาและดุลยพินิจเป็นของเรา เรามีความเข้าใจและอำนาจ[๑๕] โดยเรา บรรดากษัตริย์จึงครอบครอง และชนชั้นปกครองก็ตรากฎหมายที่ยุติธรรม[๑๖] โดยเรา บรรดาเจ้านายจึงปกครอง และบรรดาขุนนาง คือคนทั้งปวงที่ปกครองอยู่ในโลก[๑๗] เรารักผู้ที่รักเรา คนที่เสาะหาเราก็พบเรา[๑๘] ทรัพย์สมบัติและเกียรติยศอยู่กับเรา ความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรืองอันยั่งยืนด้วย[๑๙] ผลของเราดียิ่งกว่าทองแท้ สิ่งที่เราให้ล้ำค่ายิ่งกว่าเงินบริสุทธิ์[๒๐] เราดำเนินในวิถีแห่งความชอบธรรม ตามเส้นทางแห่งความยุติธรรม[๒๑] เราให้ความมั่งคั่งเป็นมรดกแก่ผู้ที่รักเรา ทำให้คลังสมบัติของเขาเต็มบริบูรณ์[๒๒] “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงให้กำเนิดเราเป็นสิ่งแรกก่อนสิ่งอื่นที่พระองค์ทรงกระทำ ก่อนบรรดาพระราชกิจของพระองค์ตั้งแต่ครั้งโบราณ[๒๓] ตั้งแต่โบราณกาลเราถูกสร้างขึ้น ตั้งแต่ปฐมกาลก่อนที่โลกนี้จะเกิดขึ้น[๒๔] เราถือกำเนิดตั้งแต่ยังไม่มีมหาสมุทร ก่อนน้ำพุพุ่งขึ้นมาสู่ผิวโลก[๒๕] ก่อนภูเขาและเนินเขาถูกสร้างขึ้น เราก็เกิดแล้ว |
|
สุภาษิต ๑๐:๑๒-๑๘ |
[๑๒] ความเกลียดชังยั่วยุให้เกิดความแตกแยก แต่ความรักบดบังความผิดทั้งมวล[๑๓] สติปัญญาพบได้จากริมฝีปากของผู้มีวิจารณญาณ ส่วนไม้เรียวมีไว้หวดหลังคนไร้สามัญสำนึก[๑๔] คนฉลาดสั่งสมความรู้ แต่ปากของคนโง่นำไปสู่ความย่อยยับ[๑๕] ความมั่งคั่งของคนรวยเป็นเหมือนป้อมปราการของเขา ส่วนความยากจนเป็นหายนะของคนจน[๑๖] คนชอบธรรมได้ชีวิตเป็นค่าจ้าง ส่วนคนชั่วได้ความบาปและความตายเป็นสมบัติ[๑๗] ผู้ที่รับฟังคำสั่งสอนก็สำแดงทางสู่ชีวิต ส่วนผู้ที่ไม่แยแสคำตักเตือนก็พาคนอื่นหลงผิด[๑๘] ผู้ที่ซ่อนเร้นความเกลียดชังมีริมฝีปากที่โกหก ผู้ที่กระพือคำนินทาว่าร้ายเป็นคนโง่ |
|
สดุดี ๕:๕ |
คนหยิ่งจองหองไม่อาจยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ได้ พระองค์ทรงเกลียดชังทุกคนที่ทำผิด |
|
สดุดี ๓๑:๖ |
ข้าพระองค์เกลียดชังผู้ที่ยึดมั่นในรูปเคารพอันไร้ค่า ข้าพระองค์วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า |
|
สดุดี ๓๖:๒ |
เพราะว่าในสายตาของเขา เขาป้อยอตนเองเกินกว่าที่จะมองเห็นหรือเกลียดชังบาปของตน |
|
สดุดี ๔๕:๗ |
พระองค์ทรงรักความชอบธรรม และทรงเกลียดชังความชั่ว ฉะนั้นพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าของพระองค์จึงทรงตั้งพระองค์ไว้เหนือพระสหายทั้งปวง โดยทรงเจิมพระองค์ด้วยน้ำมันแห่งความชื่นชมยินดี |
|
สดุดี ๙๗:๑๐ |
บรรดาผู้ที่รักองค์พระผู้เป็นเจ้า จงเกลียดชังความชั่ว เพราะพระองค์ทรงปกป้องชีวิตของบรรดาผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ และทรงช่วยเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของคนชั่ว |
|
สดุดี ๑๑๙:๑๖๓ |
ข้าพระองค์ชิงชังรังเกียจความเท็จ แต่ข้าพระองค์รักบทบัญญัติของพระองค์ |
|
โรม ๑๒:๙ |
จงรักด้วยใจจริง จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี |
|
เลวีนิติ ๑๙:๑๗-๑๘ |
[๑๗] “ ‘อย่ามีใจเกลียดชังพี่น้องของเจ้า จงตักเตือนเพื่อนบ้านอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเจ้าจะไม่ต้องมีส่วนร่วมในความผิดของเขา[๑๘] “ ‘อย่าหาทางแก้แค้นหรืออาฆาตจองเวรคนใดในหมู่ประชากรของเจ้า แต่จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เราคือพระยาห์เวห์ |
|
ลูกา ๖:๒๗-๒๘ |
[๒๗] “แต่เราบอกท่านที่ฟังอยู่ว่าจงรักศัตรูของท่าน จงทำดีแก่ผู้ที่เกลียดชังท่าน[๒๘] จงอวยพรคนที่แช่งด่าท่าน จงอธิษฐานเผื่อผู้ที่ทำร้ายท่าน |
|
มัทธิว ๕:๒๓-๒๔ |
[๒๓] “ดังนั้นถ้าท่านกำลังถวายเครื่องบูชาที่แท่นบูชาและนึกขึ้นได้ว่าพี่น้องมีเหตุขุ่นเคืองใดๆ กับท่าน[๒๔] จงละเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นแล้วไปคืนดีกับพี่น้องก่อน จึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชา |
|
๑ ยอห์น ๓:๑๔-๑๕ |
[๑๔] เรารู้ว่าเราผ่านพ้นความตายเข้าสู่ชีวิตเพราะเรารักพี่น้องของเรา ผู้ใดไม่รักผู้นั้นยังคงอยู่ในความตาย[๑๕] ผู้ใดเกลียดชังพี่น้องของตนผู้นั้นเป็นฆาตกร ท่านทั้งหลายรู้ว่าไม่มีฆาตกรคนไหนมีชีวิตนิรันดร์ในพระองค์ |
|
๑ ยอห์น ๔:๑๙-๒๐ |
[๑๙] เรารักก็เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน[๒๐] ถ้าผู้ใดพูดว่า “ข้าพเจ้ารักพระเจ้า” แต่ยังเกลียดพี่น้องของตน ผู้นั้นก็โกหก เพราะผู้ที่ไม่รักพี่น้องซึ่งตนมองเห็นย่อมไม่สามารถรักพระเจ้าซึ่งตนมองไม่เห็น |
|
ปัญญาจารย์ ๓:๑-๘ |
[๑] มีเวลาสำหรับทุกสิ่ง มีกำหนดเวลาสำหรับกิจกรรมทุกอย่าง ภายใต้ฟ้าสวรรค์นี้[๒] มีเวลาเกิด เวลาตาย เวลาปลูก เวลาถอน[๓] เวลาฆ่า เวลาเยียวยารักษา เวลารื้อถอน เวลาสร้างขึ้นใหม่[๔] เวลาร้องไห้ เวลาหัวเราะ เวลาไว้ทุกข์ เวลาเต้นรำ[๕] เวลาโยนก้อนหิน เวลาเก็บรวบรวมก้อนหิน เวลาโอบกอด เวลาหันหนี[๖] เวลาค้นหา เวลาเลิกรา เวลาทะนุถนอม เวลาเหวี่ยงทิ้งไป[๗] เวลาฉีกขาด เวลาซ่อมแซม เวลานิ่งเงียบ เวลาพูดจา[๘] เวลารัก เวลาเกลียด เวลาสงคราม เวลาสันติ |
|
Thai Bible (TNCV) 2007 |
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® |