|
โคโลสี ৩:২১ |
พวกคุณที่เป็นพ่อ อย่าทำให้ลูกของตนเคืองแค้นใจ เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ท้อใจ |
|
เอเฟซัส ๖:๔ |
พวกคุณที่เป็นพ่อ อย่ายั่วยุลูกของตนให้โกรธ แต่ให้เลี้ยงดูเขาด้วยการอบรมสั่งสอน และเตือนสติตามแนวทางขององค์เจ้าชีวิต |
|
อพยพ ๒๐:๑๒ |
ให้เคารพพ่อแม่ของเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้มีชีวิตยืนยาวบนแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้ากำลังให้กับเจ้า |
|
ฮีบรู ๑๒:๑๑ |
ตอนที่ถูกตีสอนนั้น ไม่มีใครชอบหรอกเพราะมันเจ็บ แต่ภายหลังการตีสอนนั้นจะฝึกฝนเรา แล้วผลที่ออกมาก็คือสันติสุข และชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ |
|
สุภาษิต ๑๓:๒๔ |
คนที่ยั้งไม้เรียวไว้ ก็เกลียดชังลูก แต่คนที่รักลูกจะไม่เพิกเฉยต่อการตีสอนลูก |
|
สุภาษิต 22:6 |
ช่วยเด็กหนุ่มให้เริ่มต้นในทางที่ถูกต้อง แม้เมื่อเขาแก่ตัวลง เขาจะไม่ละทิ้งทางนั้นไป |
|
สุภาษิต 29:15 |
ไม้เรียวและคำดุด่าก่อให้เกิดสติปัญญา แต่เด็กหนุ่มที่ถูกปล่อยให้ทำตามใจตัวเอง ก็จะทำให้แม่เขาอับอาย |
|
สุภาษิต 29:17 |
ตีสอนลูกชายของเจ้า แล้วเจ้าจะไม่ต้องเป็นห่วงกังวลเขา เขาจะทำให้จิตใจของเจ้าชื่นบาน |
|
เพลงคร่ำครวญ 3:22-23 |
[22] แน่นอน ความรักของพระยาห์เวห์ไม่มีวันสิ้นสุด แน่นอน ความเมตตาของพระองค์ไม่มีวันหมดสิ้น[23] ความรักและความเมตตาของพระองค์เริ่มต้นใหม่ในทุกๆเช้า ความซื่อสัตย์ของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่ |
|
มัทธิว 6:33-34 |
[33] แต่ให้ดิ้นรนหาอาณาจักรของพระเจ้าและชีวิตที่ทำตามใจพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะให้สิ่งที่จำเป็นทั้งหมดนี้กับพวกคุณเอง[34] ดังนั้นไม่ต้องกังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะพรุ่งนี้ก็มีเรื่องกังวลของมันอยู่แล้ว แต่ละวันก็มีปัญหามากพออยู่แล้วสำหรับวันนั้น |
|
ฟีลิปปี 4:6-7 |
[6] เลิกกังวลได้แล้ว แต่ให้อธิษฐานในทุกๆสถานการณ์ และขอในสิ่งที่คุณต้องการจากพระเจ้า และเมื่ออธิษฐานก็ให้ขอบคุณพระเจ้าด้วย[7] แล้วสันติสุขที่มาจากพระเจ้า ซึ่งดีกว่าสันติสุขที่มาจากแผนงานต่างๆของมนุษย์ จะปกป้องรักษาจิตใจ และความคิดของคุณไว้ในพระเยซูคริสต์ |
|
สุภาษิต 1:8-9 |
[8] ลูกเอ๋ย ให้เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อเจ้า และอย่าได้ละทิ้งคำสอนของแม่เจ้าด้วย[9] เพราะคำสั่งสอนของท่านทั้งสองนั้น มีเสน่ห์ดึงดูด มันจะเป็นมงกุฎดอกไม้สำหรับหัวเจ้า และเป็นสร้อยสำหรับคอเจ้า |
|
๑ เปโตร 5:2-3 |
[2] ขอให้เลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้าที่พระเจ้าฝากให้คุณดูแลอยู่นี้ ไม่ใช่ฝืนใจทำ แต่ให้ทำด้วยความเต็มใจอย่างที่พระเจ้าต้องการให้คุณทำ ไม่ใช่เพราะเห็นแก่เงิน แต่เพราะคุณอยากจะทำจริงๆ[3] ไม่ทำตัวเป็นนายเหนือคนพวกนั้นที่พระองค์ได้ฝากให้คุณดูแล แต่ให้ทำตัวเป็นแบบอย่างกับฝูงแกะนั้น |
|
กิจการของอัครทูต 2:38-39 |
[38] เปโตรพูดกับพวกเขาว่า “กลับตัวกลับใจเสียใหม่ และเข้าพิธีจุ่มน้ำในนามของพระเยซูผู้เป็นพระคริสต์ เพื่อพระเจ้าจะได้ยกโทษความผิดบาปของคุณ แล้วคุณก็จะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นของขวัญ[39] เพราะนี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าสัญญาไว้กับพวกคุณ ลูกหลานของคุณ และทุกคนที่อยู่ห่างไกล คำสัญญานี้มีไว้สำหรับทุกคนที่องค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเราจะเรียกมา” |
|
สดุดี ๑๒๗:๓-๕ |
[๓] ลูกชายทั้งหลายเป็นของขวัญมาจากพระยาห์เวห์ เด็กจากครรภ์เป็นรางวัลจากพระเจ้า[๔] พวกลูกชายที่เกิดจากพ่อตอนที่เขาเป็นหนุ่ม เป็นเหมือนพวกลูกศรในมือของนักรบ[๕] ชายที่มีลูกชายอยู่เต็มแล่งธนูนั้นถือว่ามีเกียรติจริงๆ เมื่อเขาต้องประจันหน้ากับพวกผู้กล่าวหาที่ประตูเมือง เขาจะได้ไม่อับอายขายหน้า |
|
๒ ทิโมธี ๓:๑๔-๑๖ |
[๑๔] ส่วนคุณก็ให้เชื่อในสิ่งที่คุณได้เรียนรู้และมั่นใจแล้วนั้นต่อไป เพราะคุณก็รู้จักคนพวกนั้นที่สอนคุณอยู่แล้วว่าพวกเขาเป็นใคร[๑๕] แล้วคุณก็รู้จักพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์นี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว พระคัมภีร์นี้จะทำให้คุณฉลาด และนำคุณไปถึงความรอด เมื่อไว้วางใจในพระเยซูคริสต์[๑๖] ทุกๆข้อในพระคัมภีร์ พระเจ้าเป็นผู้ดลใจให้เขียนขึ้นมา เพื่อเป็นประโยชน์ในการสั่งสอนความจริง ชี้ให้คนเห็นถึงความบาปในชีวิต ช่วยปรับปรุงแก้ไขให้คนดีขึ้น และฝึกคนให้ทำตามใจพระเจ้า |
|
เฉลยธรรมบัญญัติ ๖:๖-๙ |
[๖] คำสั่งเหล่านี้ที่เราได้สั่งท่านในวันนี้ ให้จดจำไว้ในใจเสมอ[๗] ท่องให้กับลูกๆฟัง และพูดถึงคำสั่งเหล่านี้ ไม่ว่าจะนั่งอยู่ในบ้านหรือเดินอยู่บนท้องถนน หรือนอนหรือลุกขึ้น[๘] เขียนผูกไว้ที่แขนเพื่อย้ำเตือน และผูกไว้ที่หน้าผากเหมือนผ้าโพกหัว[๙] เขียนไว้ที่เสาประตูบ้านและที่ประตูเมืองของท่าน |
|
เอเฟซัส ๖:๑-๔ |
[๑] พวกคุณที่เป็นลูกๆ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ของตน ในฐานะที่คุณมีส่วนในองค์เจ้าชีวิต เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง[๒] กฎที่ว่า “ให้เกียรติพ่อแม่ของตน” นี่เป็นกฎข้อแรกที่มีคำสัญญาพ่วงมาด้วย[๓] “คือคุณจะเจริญรุ่งเรืองในทุกสิ่ง และอายุยืนยาวในแผ่นดินนี้”[๔] พวกคุณที่เป็นพ่อ อย่ายั่วยุลูกของตนให้โกรธ แต่ให้เลี้ยงดูเขาด้วยการอบรมสั่งสอน และเตือนสติตามแนวทางขององค์เจ้าชีวิต |
|
โยชูวา ๔:๒๐-๒๔ |
[๒๐] และโยชูวาได้ตั้งก้อนหินทั้งสิบสองก้อนที่พวกเขาได้นำมาจากแม่น้ำจอร์แดนไว้ที่กิลกาล[๒๑] โยชูวาพูดกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า “ในอนาคตเมื่อลูกหลานของพวกท่านถามพวกพ่อของพวกเขาว่า ‘หินพวกนี้หมายถึงอะไร’[๒๒] ให้ท่านตอบกับลูกหลานของท่านว่า ‘ชาวอิสราเอลได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนบนพื้นแห้ง’[๒๓] เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำให้แม่น้ำจอร์แดนแห้งลงต่อหน้าพวกท่าน จนพวกท่านข้ามไปได้เหมือนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเคยทำกับทะเลแดง พระองค์ทำให้ทะเลแดงนั้นแห้งลงต่อหน้าพวกเรา จนพวกเราข้ามไปได้[๒๔] เพื่อประชาชนทั้งหมดบนแผ่นดินจะได้รู้ว่ามือของพระยาห์เวห์นั้นทรงพลัง และเพื่อพวกท่านจะได้ยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านตลอดไป” |
|
ฮีบรู ๑๒:๗-๑๑ |
[๗] ให้อดทนต่อความยากลำบาก เพราะเป็นการตีสอน แสดงว่าพระเจ้ากำลังทำกับพวกคุณเหมือนเป็นลูกของพระองค์ มีลูกคนไหนบ้างที่พ่อไม่เคยตีสอน[๘] ถ้าคุณไม่ถูกตีสอนเหมือนกับลูกทั่วๆไป แสดงว่าไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ แต่เป็นลูกที่ไม่มีพ่อ[๙] เราทุกคนมีพ่อที่เป็นมนุษย์ที่คอยตีสอนเรา แต่เราก็ยังเคารพเขาอยู่ดี ยิ่งกว่านั้นอีกสักเท่าไร เราควรจะเชื่อฟังพระบิดาของจิตวิญญาณเรา เพื่อเราจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป[๑๐] พ่อของเราที่เป็นมนุษย์จะตีสอนเราแค่ชั่วคราวตามที่เห็นว่าควร แต่พระเจ้าจะตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อเราจะได้มีลักษณะเหมือนพระองค์[๑๑] ตอนที่ถูกตีสอนนั้น ไม่มีใครชอบหรอกเพราะมันเจ็บ แต่ภายหลังการตีสอนนั้นจะฝึกฝนเรา แล้วผลที่ออกมาก็คือสันติสุข และชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ |
|
สดุดี ๗๘:๑-๗ |
[๑] บทเพลงมัสคิลของอาสาฟ คนของเราเอ๋ย ให้ฟังคำสั่งสอนของเรา เอียงหูของเจ้ามาฟังคำพูดต่างๆที่ออกมาจากปากของเรา[๒] เราจะอ้าปากร้องเพลงที่ก่อให้เกิดสติปัญญา เราจะอธิบายบทเรียนต่างๆที่ได้จากเหตุการณ์ทั้งหลายในอดีต[๓] ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเราเคยได้ยินและรู้จักกันดี เพราะพ่อแม่และคนรุ่นก่อนๆได้เล่าให้พวกเราฟัง[๔] พวกเราจะไม่ซ่อนเรื่องเหล่านี้ไปจากลูกหลานของพวกเขา พวกเราจะเล่าให้กับคนรุ่นต่อไปฟัง ถึงการกระทำอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์ ถึงพลังอำนาจของพระองค์และถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ได้ทำ[๕] พระเจ้าทำข้อตกลงไว้กับยาโคบ พระองค์ให้กฎกับชาวอิสราเอลทำตาม และพระองค์สั่งบรรพบุรุษของพวกเรา ให้สั่งสอนสิ่งเหล่านี้กับลูกๆของพวกเขา[๖] เพื่อว่าคนรุ่นต่อไป คือเด็กที่ยังไม่ได้เกิดมาจะได้รู้ถึงสิ่งเหล่านี้ และเมื่อพวกเขาโตขึ้น พวกเขาจะได้เล่าเรื่องเหล่านี้ให้กับลูกๆของพวกเขาฟัง[๗] แล้วพวกเขาจะได้ไว้วางใจในพระเจ้า และไม่ลืมสิ่งต่างๆที่พระเจ้าทำ แต่จะรักษาคำสั่งต่างๆของพระองค์ไว้ |
|
ทิตัส ๒:๒-๘ |
[๒] สอนชายสูงอายุให้รู้จักควบคุมตนเอง ทำตัวให้น่านับถือ สุขุมรอบคอบ ให้เจริญขึ้นทั้งในด้านความเชื่อ ความรัก และความอดทน[๓] ส่วนหญิงสูงอายุก็เหมือนกัน สอนให้เขามีชีวิตที่บริสุทธิ์อย่างผู้ที่นับถือพระเจ้า อย่าเที่ยวไปซุบซิบนินทา หรือติดเหล้า แต่ให้เป็นคนสอนสิ่งดีๆ[๔] จะได้อบรมหญิงสาวให้รักสามีและลูกๆ[๕] ให้มีความสุขุมรอบคอบและบริสุทธิ์ ดูแลบ้านช่องเป็นอย่างดี มีใจโอบอ้อมอารีและยินยอมสามี จะได้ไม่มีใครพูดจาดูหมิ่นคำสอนของพระเจ้าได้[๖] พวกคนหนุ่มๆก็เหมือนกัน ตักเตือนเขาให้เป็นคนสุขุมรอบคอบ[๗] คุณควรจะทำสิ่งดีๆให้พวกเขาดูเป็นตัวอย่าง เวลาที่คุณสอนก็ให้จริงใจและจริงจัง[๘] ให้สอนคำสอนที่เป็นประโยชน์ จะได้ไม่มีใครตำหนิได้ และจะทำให้คนที่ต่อต้านคุณ อับอายขายหน้า เพราะไม่รู้จะเอาอะไรมาต่อว่าพวกเรา |
|
สุภาษิต ๓:๑-๑๒ |
[๑] ลูกเอ๋ย อย่าลืมคำสั่งสอนของเรา ให้ใจของเจ้าเก็บรักษาคำสั่งต่างๆของเราไว้[๒] เพราะสิ่งเหล่านี้จะเพิ่มพูนจำนวนวันและปีของชีวิตเจ้า แถมจะทำให้เจ้าอยู่เย็นเป็นสุขด้วย[๓] อย่าให้ความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ละทิ้งเจ้าไป ผูกมันไว้รอบคอของเจ้าเหมือนกับสร้อยคอ เขียนมันลงไปบนแผ่นใจของเจ้า[๔] แล้วเจ้าจะเป็นที่ยอมรับและประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ในสายตาของพระเจ้าและผู้คนทั่วไป[๕] ให้ไว้วางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าได้พึ่งความเข้าใจของตัวเจ้าเอง[๖] ให้เชื่อฟังพระองค์ในทุกหนทางของเจ้า แล้วพระองค์จะทำให้เส้นทางของเจ้าราบรื่น[๗] อย่าได้คิดว่าตัวเองฉลาด แต่ให้ยำเกรงพระยาห์เวห์และหันไปจากสิ่งชั่วร้าย[๘] เมื่อเจ้าทำอย่างนี้ มันจะช่วยเยียวยารักษาสุขภาพของเจ้า และทำให้กระดูกของเจ้าสดชื่น[๙] ให้ถวายเกียรติกับพระยาห์เวห์ด้วยทรัพย์สมบัติของเจ้า และด้วยผลผลิตแรกจากพืชผลทุกชนิดที่เจ้าปลูกไว้[๑๐] แล้วยุ้งฉางของเจ้าจะเต็มเปี่ยมไปด้วยเมล็ดข้าว และถังเหล้าองุ่นของเจ้าก็จะเต็มล้นไปด้วยเหล้าองุ่นใหม่[๑๑] ลูกเอ๋ย อย่าดูหมิ่นการตีสอนของพระยาห์เวห์ และอย่าได้ขุ่นเคืองเมื่อพระองค์ตักเตือน[๑๒] เพราะพระยาห์เวห์จะตักเตือนคนที่พระองค์รัก เหมือนกับพ่อที่เตือนลูกที่เขาภาคภูมิใจ |
|
Thai Bible (ERV) 2001 |
Copyright © 2001 by Bible League International |