๑ โครินธ์ 7:5 |
อย่าปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์กันเลย นอกจากทั้งสองคนจะตกลงกันเป็นการชั่วคราว เพื่อคุณจะได้ทุ่มเทตัวเองในการอธิษฐาน หลังจากนั้นก็ค่อยกลับมาอยู่ร่วมกันอีก เพื่อซาตานจะได้ไม่มาล่อลวงคุณให้ไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นเพราะขาดการบังคับตน |
|
๒ ซามูเอล 1:12 |
พวกเขาร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกและอดอาหารจนกระทั่งถึงเย็นให้กับซาอูล และโยนาธานลูกชายของซาอูล และให้กับกองทัพของพระยาห์เวห์ รวมทั้งครอบครัวของชาวอิสราเอล เพราะพวกเขาต่างก็ล้มตายลงด้วยดาบ |
|
กิจการของอัครทูต 13:2 |
ขณะที่พวกเขานมัสการองค์เจ้าชีวิตและถือศีลอดอาหารอยู่นั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็พูดว่า “ให้แยกบารนาบัสและเซาโลออกมาสำหรับงานที่เราจะเรียกให้พวกเขาทำ” |
|
กิจการของอัครทูต 14:23 |
เปาโลและบารนาบัสแต่งตั้งผู้นำอาวุโสขึ้นในแต่ละหมู่ประชุมของพระเจ้า เขาทั้งสองอธิษฐานและถือศีลอดอาหาร และมอบผู้นำพวกนี้พร้อมกับหมู่ประชุมต่างๆไว้กับองค์เจ้าชีวิตที่พวกเขาไว้วางใจ |
|
ดาเนียล ๑๐:๓ |
ผมไม่ได้กินอาหารที่อร่อยๆ ไม่มีเนื้อหรือเหล้าองุ่นตกเข้าปากผมเลย ผมไม่ได้เอาน้ำมันทาผิวหรือน้ำมันใส่ผมเป็นเวลาถึงสามอาทิตย์เต็มๆ |
|
เอสเธอร์ 4:16 |
*** |
|
อพยพ ๓๔:๒๘ |
โมเสสอยู่ที่นั่นกับพระยาห์เวห์สี่สิบวัน สี่สิบคืน เขาไม่ได้กินอาหารหรือดื่มน้ำเลย เขาเขียนคำสั่งต่างๆของข้อตกลงทั้งสิบข้อลงบนแผ่นหินสองแผ่นนั้น |
|
โยเอล 2:12 |
พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่ ถึงเดี๋ยวนี้ก็เถอะ ให้กลับมาหาเรา ด้วยสุดใจของพวกเจ้า ให้อดอาหาร ร้องไห้ และคร่ำครวญ |
|
ลูกา ๒:๓๗ |
สามีก็ตาย และนางก็อยู่เป็นม่ายมาจนถึงอายุแปดสิบสี่ปี นางไม่เคยออกไปจากวิหารเลย นางนมัสการพระเจ้าทั้งวันทั้งคืนด้วยการอธิษฐานและถือศีลอดอาหาร |
|
ลูกา ๑๘:๑๒ |
ข้าพเจ้าอดอาหารอาทิตย์ละสองครั้ง และถวายหนึ่งในสิบ ของของทุกอย่างที่ได้มา’ |
|
เนหะมีย์ ๑:๔ |
เมื่อผมได้ฟังอย่างนั้น ก็ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ และไว้ทุกข์อยู่หลายวัน ผมได้อดอาหารพร้อมกับอธิษฐานต่อหน้าพระเจ้าแห่งสวรรค์ |
|
สดุดี ๖๙:๑๐ |
ข้าพเจ้าร้องไห้และอดอาหาร แต่พวกเขากลับดูถูกข้าพเจ้า เพราะทำสิ่งเหล่านี้ |
|
สดุดี ๓๕:๑๓-๑๔ |
[๑๓] เมื่อพวกเขาเจ็บป่วย ข้าพเจ้าใส่ชุดที่แสดงความเสียใจ และถ่อมใจลงอดอาหาร เมื่อคำอธิษฐานของข้าพเจ้าไม่ได้รับคำตอบ[๑๔] ข้าพเจ้าทำเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนหรือพี่น้องของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าก้มลงด้วยความโศกเศร้าราวกับว่าเป็นแม่ของข้าพเจ้าเอง |
|
โยเอล ๒:๑๒-๑๓ |
[๑๒] พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่ ถึงเดี๋ยวนี้ก็เถอะ ให้กลับมาหาเรา ด้วยสุดใจของพวกเจ้า ให้อดอาหาร ร้องไห้ และคร่ำครวญ[๑๓] อย่าฉีกเสื้อผ้า แต่ให้ฉีกใจของเจ้าแทน” ให้กลับมาหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเจ้า เพราะพระองค์มีความเมตตาปรานี อดทนนาน พระองค์มีความรักที่ยิ่งใหญ่ และพร้อมเสมอที่จะเปลี่ยนใจไม่ลงโทษ |
|
กิจการของอัครทูต ๑๓:๓-๔ |
[๓] หลังจากที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าและพวกครูถือศีลอดอาหารและอธิษฐานเสร็จแล้ว พวกเขาวางมือบนบารนาบัสและเซาโล จากนั้นก็ส่งพวกเขาไป[๔] เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ส่งพวกเขาออกไปแล้ว บารนาบัสและเซาโลก็เดินทางลงไปที่เมืองเซลูเคีย และพวกเขานั่งเรือจากที่นั่นต่อไปที่เกาะไซปรัส |
|
ดาเนียล 9:3-5 |
[3] ดังนั้นผมจึงตัดสินใจแสวงหาพระเจ้าองค์เจ้าชีวิตของผม ด้วยการอธิษฐาน ขอความเมตตาจากพระองค์ ในขณะที่ผมอดอาหาร สวมใส่ผ้ากระสอบไว้ทุกข์ และโรยขี้เถ้าบนหัว[4] ผมอธิษฐานกับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของผม และสารภาพบาป ผมพูดว่า “ได้โปรดเถิด องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม ผู้ที่รักษาข้อตกลงของพระองค์ และแสดงความรักที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ กับคนที่รักพระองค์ ซึ่งก็คือคนที่ทำตามคำสั่งของพระองค์[5] พวกเราทำบาป ทำผิด และทำสิ่งที่ชั่วร้าย เราได้กบฏและเบือนหน้าหนีจากคำสั่งและกฎเกณฑ์ของพระองค์ |
|
๒ ซามูเอล ๑๒:๑๕-๑๗ |
[๑๕] หลังจากนาธันกลับบ้านแล้ว พระยาห์เวห์ได้ทำให้เด็กป่วยหนัก เด็กที่เกิดจากเมียของอุรียาห์กับดาวิด[๑๖] ดาวิดอ้อนวอนต่อพระเจ้าเพื่อลูกของเขา เขาอดอาหารและเข้าไปในวังของเขา และนอนลงบนพื้นทั้งคืน[๑๗] พวกผู้อาวุโสในครอบครัวของดาวิด มายืนอยู่ข้างเขา อ้อนวอนให้เขาลุกขึ้น แต่เขาไม่ยอมลุก และไม่ยอมกินอาหารกับคนพวกนั้น |
|
๑ พงศ์กษัตริย์ ๒๑:๒๕-๒๗ |
[๒๕] (ยังไม่เคยมีใครที่เป็นเหมือนอาหับที่ขายตัวเอง ไปทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ ตามที่นางเยเซเบลเมียของเขายุให้เขาทำ[๒๖] เขาทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนที่สุด ด้วยการไปกราบไหว้พวกรูปเคารพ เหมือนกับที่พวกชาวอาโมไรต์เคยทำ ที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ออกไปต่อหน้าชาวอิสราเอล)[๒๗] เมื่ออาหับได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็ฉีกเสื้อผ้าของเขา ใส่เสื้อกระสอบและอดอาหาร เขาใส่เสื้อกระสอบนั้นนอนและเดินไปมาอย่างเศร้าซึม |
|
ลูกา 4:2-4 |
[2] มารร้ายมาลองใจพระองค์ถึงสี่สิบวัน ในช่วงนั้นพระองค์ไม่ได้กินอะไรเลย เมื่อครบสี่สิบวันแล้ว พระเยซูก็หิวจัด[3] มารร้ายท้าทายกับพระองค์ว่า “ถ้าเป็นลูกพระเจ้า ก็เสกหินก้อนนี้ให้กลายเป็นขนมปังสิ”[4] แต่พระเยซูตอบว่า “พระคัมภีร์ เขียนไว้ว่า ‘ชีวิตที่เที่ยงแท้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนมปังเพียงอย่างเดียว’” |
|
เอสรา ๘:๒๑-๒๓ |
[๒๑] ที่ข้างแม่น้ำอาหะวา ข้าพเจ้าก็ได้ประกาศให้ถือศีลอดอาหาร เพื่อเราจะได้ถ่อมตัวลงต่อหน้าพระเจ้าของเรา และขอให้พระองค์ช่วยให้พวกเราเดินทางด้วยความปลอดภัย สำหรับตัวเราเอง ลูกหลาน และทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเรา[๒๒] ข้าพเจ้าอับอายที่จะขอทหารและทหารม้าจากกษัตริย์ เพื่อปกป้องพวกเราจากศัตรูในระหว่างเดินทาง เพราะพวกเราได้พูดกับกษัตริย์ไปแล้วว่า “มือของพระเจ้าของเราคอยช่วยเหลือทุกคนที่แสวงหาพระองค์ เพื่อให้พวกเขาปลอดภัย แต่ฤทธิ์อำนาจและความโกรธของพระองค์จะต่อต้านทุกคนที่ละทิ้งพระองค์”[๒๓] ดังนั้นเราจึงอดอาหารและอธิษฐานต่อพระเจ้า เพื่อขอให้การเดินทางนี้ปลอดภัย และพระองค์ก็ตอบคำอธิษฐานของพวกเรา |
|
มัทธิว 6:16-18 |
[16] เมื่อคุณอดอาหารก็ไม่ต้องทำหน้าเศร้าเหมือนไอ้พวกหน้าซื่อใจคดทำกัน เพื่อให้คนเห็นว่าเขาอดอาหารอยู่ เราจะบอกให้รู้ว่า พวกเขาได้รับรางวัลของพวกเขาอย่างครบถ้วนแล้ว[17] แต่เมื่อคุณอดอาหาร ขอให้ล้างหน้าล้างตาให้แจ่มใส และใส่น้ำมันผม[18] จะได้ไม่มีใครรู้ว่าคุณกำลังอดอาหารอยู่ แต่พระบิดาของคุณที่มนุษย์มองไม่เห็น จะเห็นคุณโดยที่คุณไม่รู้และให้รางวัลกับคุณ |
|
อิสยาห์ 58:3-7 |
[3] และพวกเขาพูดว่า “ทำไมพระองค์ถึงไม่เห็นตอนที่พวกเราอดอาหารกัน ทำไมพระองค์ถึงไม่สังเกตว่าพวกเราถ่อมตัวลง” แต่เราตอบว่า “ดูเอาสิ ในวันที่เจ้าอดอาหารนั้น เจ้าก็ยังมัวหาผลประโยชน์ของตนและเอาเปรียบคนงานทุกคนของเจ้า[4] ดูสิ พวกเจ้าถือศีลอดอาหารก็จริง แต่มีการถกเถียง ทะเลาะและชกต่อยกันแถมไปด้วย การอดอาหารอย่างที่พวกเจ้าทำในวันนี้จะไม่ทำให้คำอธิษฐานของเจ้าขึ้นไปถึงเบื้องบน[5] นี่หรือการถือศีลอดอาหารที่เราอยากได้ เป็นวันที่แค่ถ่อมตัวลงพอเป็นพิธีอย่างนี้หรือ เป็นแค่ก้มหัวลงเหมือนกับต้นอ้อลู่ลมหรือ เป็นแค่นอนลงบนผ้ากระสอบและขี้เถ้าหรือ พวกเจ้าจะเรียกแบบนี้ว่าเป็นการถือศีลอดอาหารหรือ วันแบบนี้จะเป็นที่ยอมรับของพระยาห์เวห์จริงๆหรือ[6] การอดอาหารที่เราอยากได้เป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรือ คือให้ปลดปล่อยโซ่ตรวนของความไม่ยุติธรรม ให้แก้เชือกแอกของการกดขี่ข่มเหงออก และปล่อยให้คนที่ถูกกดขี่ขมเหงเป็นอิสระ ให้หักแอกทุกอัน[7] แล้วให้แบ่งปันอาหารของเจ้ากับคนที่หิวโหย ไม่ใช่หรือ ให้เอาคนยากจนที่ไม่มีบ้านอยู่เข้ามาอยู่ในบ้านของเจ้า เมื่อเจ้าเห็นคนที่เปลือยเปล่าก็ให้คลุมตัวพวกเขา และไม่ซ่อนตัวจากญาติๆที่เดือดร้อนของเจ้า |
|
โยนาห์ ๓:๕-๙ |
[๕] และชาวเมืองนีนะเวห์ก็เชื่อพระเจ้า พวกเขาประกาศว่าจะอดอาหารและสวมใส่เสื้อผ้ากระสอบ เพื่อแสดงความเสียใจต่อบาปที่พวกเขาทำ พวกเขาทำอย่างนี้กันหมดทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่หรือคนต่ำต้อยก็ตาม[๖] เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของกษัตริย์เมืองนีนะเวห์ พระองค์ลุกขึ้นจากบัลลังก์ ถอดเสื้อคลุม สวมใส่ผ้ากระสอบแทน และนั่งบนกองขี้เถ้า[๗] จากนั้นพระองค์ออกคำสั่งไปทั่วเมืองนีนะเวห์ว่า กษัตริย์และเหล่าขุนนางทั้งหลายของพระองค์ออกคำสั่งว่า “ทั้งคน ทั้งสัตว์ ทั้งวัว ทั้งแกะ ห้ามชิม ห้ามกิน และห้ามดื่ม[๘] แต่ให้ทุกคนรวมทั้งสัตว์ ใส่เสื้อผ้ากระสอบ ให้ทุกคนอธิษฐานต่อพระเจ้าสุดกำลัง แต่ละคนจะต้องเลิกทำชั่ว และเลิกทำทารุณโหดร้าย[๙] ถ้าทำอย่างนี้ ไม่แน่ บางทีพระเจ้าอาจจะเปลี่ยนใจ และหันจากความโกรธของพระองค์ที่กำลังเผาผลาญอยู่ต่อเราก็ได้ เพื่อพวกเราจะได้ไม่ต้องตาย” |
|
ลูกา 18:1-12 |
[1] พระเยซูได้เล่าเรื่องเปรียบเทียบให้ศิษย์ของพระองค์ฟัง เพื่อสอนให้พวกเขาอธิษฐานอยู่เสมอ และไม่สิ้นหวัง[2] พระองค์เล่าว่า “ในเมืองหนึ่ง มีผู้พิพากษาคนหนึ่งที่ไม่เกรงกลัวพระเจ้า และไม่เคยเคารพนับถือใครเลย[3] ในเมืองนี้มีหญิงม่ายคนหนึ่ง ที่เฝ้าวนเวียนมาอ้อนวอนผู้พิพากษาคนนี้ว่า ‘ช่วยตัดสินคดีของฉันอย่างยุติธรรมด้วยเถิด’[4] ตอนแรกผู้พิพากษาไม่ได้สนใจนางเลย แต่ในที่สุดผู้พิพากษาก็พูดกับตัวเองว่า ‘ถึงแม้เราจะไม่เกรงกลัวพระเจ้า และไม่กลัวมนุษย์หน้าไหนทั้งนั้น[5] แต่เราคงต้องให้ความยุติธรรมกับเธอ เพราะเธอเซ้าซี้กวนใจเหลือเกิน จะได้เลิกมายุ่งวุ่นวายกับเราเสียที ไม่งั้นเราคงจะบ้าตายแน่’”[6] แล้วพระองค์ก็พูดต่อว่า “เห็นหรือเปล่าว่า ผู้พิพากษาขี้โกงคนนี้พูดว่าอะไร[7] แล้วพระเจ้าจะไม่ให้ความยุติธรรมกับคนที่พระองค์ได้เลือกไว้ที่ร้องขอความช่วยเหลือต่อพระองค์ทั้งวันทั้งคืนหรือ พระองค์จะผลัดไปเรื่อยๆหรือ[8] เราจะบอกให้รู้ว่า พระองค์จะรีบให้ความยุติธรรมกับเขา ว่าแต่เมื่อบุตรมนุษย์มาถึง พระองค์จะเจอคนที่มีความเชื่อหลงเหลืออยู่ในโลกนี้หรือเปล่า”[9] พระเยซูเล่าเรื่องเปรียบเทียบนี้ เพื่อสอนคนที่เชื่อมั่นในตัวเองเหลือเกินว่าทำตามใจพระเจ้า และชอบดูถูกคนอื่น พระองค์เล่าว่า[10] “มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานที่วิหาร คนหนึ่งเป็นพวกฟาริสี ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี[11] ฟาริสีคนนั้นยืนอยู่ตามลำพังและอธิษฐานว่า ‘พระเจ้า ขอบคุณที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่นๆเช่นพวกขโมย พวกขี้โกง พวกมีชู้ หรือแม้แต่คนเก็บภาษีคนนี้[12] ข้าพเจ้าอดอาหารอาทิตย์ละสองครั้ง และถวายหนึ่งในสิบ ของของทุกอย่างที่ได้มา’ |
|
Thai Bible (ERV) 2001 |
Copyright © 2001 by Bible League International |