๑ โครินธ์ ๑๓:๔ |
ความรักนั้นก็อดทนนาน มีเมตตากรุณา ไม่อิจฉาริษยา ไม่โอ้อวด |
|
ฟีลิปปี ๔:๖ |
เลิกกังวลได้แล้ว แต่ให้อธิษฐานในทุกๆสถานการณ์ และขอในสิ่งที่คุณต้องการจากพระเจ้า และเมื่ออธิษฐานก็ให้ขอบคุณพระเจ้าด้วย |
|
ปัญญาจารย์ ๗:๙ |
อย่าให้จิตใจของคุณโกรธง่าย เพราะความโกรธนั้นอยู่ในอกของคนโง่ |
|
โรม ๑๒:๑๒ |
ให้ชื่นชมยินดีในความหวังที่คุณมี ให้อดทนต่อความยากลำบาก ให้ขะมักเขม้นในการอธิษฐานอยู่เสมอ |
|
เอเฟซัส ๔:๒ |
คือให้สุภาพอ่อนน้อมอยู่เสมอ รวมทั้งให้ใจเย็นๆและอดทนต่อกันและกันด้วยความรัก |
|
กาลาเทีย 6:9 |
อย่าเพิ่งท้อแท้ในการทำดี เพราะเมื่อถึงเวลาที่เหมาะ คุณก็จะได้เก็บเกี่ยวผลจากการทำดีนั้น ถ้าไม่เลิกไปซะก่อนนะ |
|
ปฐมกาล ๒๙:๒๐ |
ดังนั้นยาโคบจึงทำงานเจ็ดปีเพื่อราเชล แต่สำหรับยาโคบ เจ็ดปีนั้นก็ดูเหมือนไม่กี่วัน เพราะความรักที่เขามีกับนาง |
|
สุภาษิต ๑๕:๑๘ |
คนโมโหร้ายย่อมก่อเหตุทะเลาะวิวาท แต่คนใจเย็นย่อมระงับการโต้เถียงกัน |
|
เยเรมีย์ ๒๙:๑๑ |
พระยาห์เวห์พูดว่า “เพราะเรารู้แผนงานต่างๆที่เราวางไว้ให้กับเจ้า เป็นแผนงานสำหรับความเจริญรุ่งเรือง ไม่ใช่สำหรับความหายนะ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังกับเจ้า |
|
๑ ซามูเอล ๑๓:๘-๑๔ |
[๘] ซาอูลได้เฝ้าคอยอยู่เจ็ดวัน ตามเวลาที่ซามูเอลได้กำหนดไว้ แต่ซามูเอลก็ไม่ได้มาที่กิลกาล และประชาชนที่อยู่กับซาอูลก็เริ่มกระจัดกระจายไป[๙] ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “เอาเครื่องเผาบูชา และเครื่องสังสรรค์บูชามาให้เรา” และซาอูลก็ได้ถวายเครื่องเผาบูชา[๑๐] ทันทีที่ซาอูลถวายเครื่องเผาบูชาเสร็จสิ้นลง ซามูเอลก็มาถึง ซาอูลจึงออกไปต้อนรับเขา[๑๑] ซามูเอลถามว่า “ท่านได้ทำอะไรลงไป” ซาอูลตอบว่า “เมื่อเราเห็นว่าประชาชนเริ่มกระจัดกระจายไป และท่านก็ไม่มาตามเวลาที่นัดไว้ และคนฟีลิสเตียก็ได้รวมพลกันที่มิคมาช[๑๒] เราคิดว่า ‘ตอนนี้คนฟีลิสเตียจะลงมาต่อสู้กับเราที่กิลกาล และเราก็ยังไม่ได้ขอให้พระยาห์เวห์ช่วยเหลือ ดังนั้นเราจึงฝืนใจถวายเครื่องเผาบูชาเอง’”[๑๓] ซามูเอลพูดว่า “ท่านได้ทำสิ่งที่โง่ๆลงไปแล้ว ท่านไม่ได้ทำตามคำสั่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านได้สั่งท่านไว้ ถ้าท่านได้ทำตาม พระองค์จะก่อตั้งอาณาจักรของท่านเหนือคนอิสราเอลตลอดไป[๑๔] แต่ ตอนนี้ อาณาจักรของท่านจะไม่ยั่งยืนอีกแล้ว พระยาห์เวห์ได้ค้นหาผู้ชายอีกคนหนึ่งที่จะทำตามใจพระองค์ และได้แต่งตั้งเขาให้เป็นผู้นำประชาชนของพระองค์แล้ว เพราะท่านไม่ได้รักษาคำสั่งของพระยาห์เวห์” |
|
ลูกา ๑๕:๑๑-๒๔ |
[๑๑] พระเยซูพูดว่า “ชายคนหนึ่งมีลูกชายสองคน[๑๒] ลูกคนเล็กพูดว่า ‘พ่อครับ ช่วยแบ่งสมบัติส่วนที่เป็นของลูกให้ด้วย’ พ่อจึงแบ่งสมบัติให้กับลูกชายทั้งสองไป[๑๓] หลังจากนั้นไม่นาน ลูกคนเล็กก็รวบรวมทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขา เดินทางไปเมืองไกล และเขาก็ใช้จ่ายเงินทองอย่างสุรุ่ยสุร่าย[๑๔] จนหมดเนื้อหมดตัว พอเกิดกันดารอาหารอย่างรุนแรงทั่วแผ่นดินนั้น เขาก็เริ่มไม่มีอะไรจะกิน[๑๕] เขาก็เลยไปรับจ้างทำงานกับชาวเมืองนั้นคนหนึ่ง เขาถูกส่งให้ไปเลี้ยงหมูในทุ่งนา[๑๖] เขาหิวมาก อยากจะกินอาหารที่หมูกิน แต่ก็ไม่มีใครให้อะไรเขากินเลย[๑๗] ในที่สุด เขาก็สำนึกตัวได้และพูดว่า ‘ลูกจ้างของพ่อเรามีอาหารกินอย่างเหลือเฟือ แต่ดูเราสิ กำลังจะอดตายอยู่แล้ว[๑๘] เราจะกลับไปหาพ่อและพูดกับพ่อว่า “พ่อครับ ลูกได้ทำบาปต่อพระเจ้าและต่อตัวพ่อ[๑๙] ลูกไม่สมควรที่จะเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป ให้ลูกเป็นลูกจ้างคนหนึ่งของพ่อเถอะครับ”’[๒๐] ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นกลับไปหาพ่อของเขา ขณะที่เขายังอยู่แต่ไกล พ่อของเขาก็มองเห็นและเวทนาสงสาร วิ่งออกไปสวมกอดและจูบเขา[๒๑] ลูกชายจึงพูดว่า ‘พ่อครับ ลูกได้ทำบาปต่อพระเจ้าและต่อพ่อ ลูกไม่สมควรที่จะเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป’[๒๒] แต่พ่อหันไปสั่งคนใช้ว่า ‘เร็วๆเข้าไปเอาเสื้อผ้าที่ดีที่สุดมาใส่ให้เขา เอาแหวนมาสวมนิ้วเขาและเอารองเท้ามาใส่ให้เขาด้วย[๒๓] แล้วไปฆ่าลูกวัวตัวอ้วนพีมาเลี้ยงฉลองกัน[๒๔] เพราะลูกข้าคนนี้ ได้ตายไปแล้วแต่ฟื้นขึ้นมาใหม่ เคยหลงหายไปแต่ตอนนี้พบแล้ว’ แล้วพวกเขาก็เลี้ยงฉลองกัน |
|
สดุดี ๓๗:๗-๙ |
[๗] ให้อดทนและรอคอยพระยาห์เวห์ลงมือ ไม่ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อคนชั่วประสบความสำเร็จตามแผนชั่วของเขา[๘] ไม่ต้องโมโห ไม่ต้องโกรธ ไม่ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ซึ่งมีแต่จะสร้างปัญหา[๙] เพราะคนชั่วจะถูกตัดออกไปจากแผ่นดิน แต่คนที่รอคอยพระยาห์เวห์จะได้กรรมสิทธิ์ในแผ่นดินที่พระองค์สัญญาไว้กับพวกเขา |
|
โรม ८:२४-३० |
[२४] พระเจ้าได้ช่วยชีวิตเราแล้ว เราจึงมีความหวังนี้อยู่ในใจ ความหวังที่เราเห็นได้นั้นไม่เรียกว่าความหวังหรอก เพราะใครจะไปหวังกับสิ่งที่เขาเห็นแล้ว[२५] แต่เราหวังในสิ่งที่เรายังมองไม่เห็น และเราก็ตั้งตารอคอยมันด้วยความอดทน[२६] ในทำนองเดียวกันพระวิญญาณก็มาช่วยเราในความอ่อนแอของเราด้วย เราไม่รู้ว่าเราควรจะขออะไรเวลาที่เราอธิษฐาน แต่พระวิญญาณเองได้ขอต่อพระเจ้าแทนเราด้วยเสียงร้องคร่ำครวญที่ไม่เป็นคำ[२७] แต่พระเจ้าผู้หยั่งรู้จิตใจรู้ว่าอะไรอยู่ในจิตใจของพระวิญญาณ เพราะพระวิญญาณได้ร้องขอให้กับคนที่เป็นของพระเจ้า ตามที่พระเจ้าชอบใจ[२८] เรารู้ว่าพระเจ้าทำให้ทุกอย่างเกิดผลดีสำหรับคนที่รักพระองค์ พวกเขาเป็นคนที่พระเจ้าเรียกตามแผนงานของพระองค์[२९] พระเจ้าได้เลือกและแยกคนพวกนี้ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ให้เป็นเหมือนกับพระบุตรของพระองค์ เพื่อว่าพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรคนแรกในหมู่พี่น้องมากมาย[३०] ดังนั้นคนพวกนี้ที่พระองค์ได้แยกไว้แล้ว พระองค์ก็ได้เรียกมา และเมื่อเรียกมาแล้ว พระองค์ก็ยอมรับเขา และเมื่อยอมรับแล้ว พระองค์ก็ให้พวกเขามีศักดิ์ศรีด้วย |
|
๒ เธสะโลนิกา १:४-५ |
[४] เราก็เลยไปพูดโอ้อวดถึงพวกคุณให้หมู่ประชุมของพระเจ้าในที่อื่นๆฟัง เราพูดถึงความทรหดอดทน และความเชื่อของคุณ ทั้งๆที่คุณถูกข่มเหงและต้องเจอกับความทุกข์ยากลำบากมากมาย[५] ที่พวกคุณอดทนต่อการข่มเหงแบบนี้จะเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่า พระเจ้าตัดสินโทษอย่างยุติธรรม นั่นก็คือ สำหรับพวกคุณที่ยอมทนทุกข์เพื่ออาณาจักรของพระเจ้า พระองค์ก็เห็นว่าสมควรที่จะให้อาณาจักรนั้นกับคุณ |
|
ฮีบรู ११:१३-१६ |
[१३] คนพวกนี้ทั้งหมดตายไปในขณะที่ยังไว้วางใจอยู่ ถึงแม้พวกเขายังไม่ได้รับสิ่งที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ เพียงแค่ได้เห็นแต่ไกลและยินดีต้อนรับสิ่งที่พระเจ้าได้สัญญานั้นไว้ พวกเขายังยอมรับอีกว่าตัวพวกเขาเองเป็นแค่คนแปลกหน้าและคนต่างด้าวในโลกนี้[१४] ที่เขาพูดอย่างนี้แสดงว่าพวกเขากำลังแสวงหาบ้านเมืองที่จะเป็นของเขาเอง[१५] ถ้าพวกเขาคิดถึงบ้านเมืองที่พวกเขาจากมา เขาก็ยังมีโอกาสที่จะกลับไปได้[१६] แต่พวกเขากำลังใฝ่ฝันถึงบ้านเมืองที่ดีกว่านั้น คือเมืองแห่งสวรรค์ พระเจ้าถึงไม่อับอายที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้าของพวกเขา เพราะพระองค์ได้เตรียมบ้านเมืองไว้สำหรับพวกเขาแล้ว |
|
ปฐมกาล ๒๙:๒๐-๒๘ |
[๒๐] ดังนั้นยาโคบจึงทำงานเจ็ดปีเพื่อราเชล แต่สำหรับยาโคบ เจ็ดปีนั้นก็ดูเหมือนไม่กี่วัน เพราะความรักที่เขามีกับนาง[๒๑] แล้วยาโคบก็พูดกับลาบันว่า “ผมทำงานครบแล้ว ขอยกเมียให้กับผมด้วย เพื่อผมจะได้หลับนอนกับนาง”[๒๒] ลาบันก็รวบรวมคนแถวนั้นมาทั้งหมด และจัดงานเลี้ยงให้พวกเขา[๒๓] แต่ในคืนนั้น เขาได้เอาเลอาห์ลูกสาวของเขาไปให้กับยาโคบ ยาโคบก็ได้หลับนอนกับเลอาห์[๒๔] (ลาบันก็ยกสาวใช้ของตนชื่อศิลปาห์ให้เป็นสาวใช้ของเลอาห์)[๒๕] ในตอนเช้า ยาโคบเห็นว่าเป็นเลอาห์ ดังนั้นเขาจึงถามลาบันว่า “ทำไมลุงถึงทำกับผมอย่างนี้ ที่ผมทำงานเจ็ดปี ก็เพื่อราเชลไม่ใช่หรือ ลุงหลอกลวงผมทำไม”[๒๖] ลาบันตอบว่า “คนที่นี่เขาไม่ทำกันอย่างนั้นหรอก ที่จะให้น้องสาวแต่งงานก่อนพี่สาว[๒๗] ขอให้ครบเจ็ดวันของงานแต่งงาน กับคนพี่ก่อนนะ แล้วลุงจะยกคนน้องให้กับหลาน แล้วหลานจะทำงานตอบแทนให้กับลุงอีกเจ็ดปี”[๒๘] ยาโคบก็ทำตาม และรอให้ครบเจ็ดวันสำหรับเลอาห์ แล้วลาบันก็ยกราเชลลูกสาวของเขาให้เป็นเมียยาโคบ |
|
๒ ซามูเอล ๕:๔-๕ |
[๔] ดาวิดมีอายุสามสิบปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาครองราชย์อยู่นานสี่สิบปี[๕] เขาได้ครอบครองอยู่เหนือยูดาห์ในเมืองเฮโบรน เป็นเวลาเจ็ดปีหกเดือน และในเมืองเยรูซาเล็ม เขาได้ครอบครองอิสราเอลทั้งหมดรวมทั้งยูดาห์ด้วย เป็นเวลาสามสิบสามปี |
|
สดุดี ७५:२ |
พระเจ้าพูดว่า “เมื่อเวลาที่เรากำหนดไว้นั้นมาถึง เราจะพิพากษาอย่างยุติธรรม |
|
ฮาบากุก २:३ |
ที่เราพูดอย่างนี้ก็เพราะว่า นิมิตนี้ยืนยันถึงเวลาที่กำหนดไว้นั้น มันเป็นพยานถึงจุดจบของพวกบาบิโลนที่กำลังจะมาถึงและมันก็ไม่โกหกด้วย แต่ถ้าดูเหมือนช้า ใจเย็นๆคอยไว้ เพราะวันนั้นจะมาถึงแน่ มันจะไม่สายหรอก |
|
โรม 5:2-4 |
[2] พระเยซูนำเราเข้าสู่ความเมตตากรุณาที่เรามีอยู่นี้ แล้วเราก็ยังโอ้อวดอย่างชื่นชมยินดีในความหวังที่เราจะได้รับเกียรติจากพระเจ้า[3] นอกจากนั้น เรายังชื่นชมยินดีกับความทุกข์ยากต่างๆที่เราได้รับด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากต่างๆจะทำให้เราเรียนรู้ที่จะอดทน[4] ความอดทนนี้จะทำให้เราเกิดความไว้วางใจ ที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าเป็นของแท้ ซึ่งจะทำให้เราเกิดความหวัง |
|
วิวรณ์ ६:९-११ |
[९] เมื่อลูกแกะเปิดผนึกที่ห้าออก ผมเห็นวิญญาณหลายดวงใต้แท่นบูชา เป็นวิญญาณของผู้ที่ถูกฆ่า เพราะพวกเขาประกาศพระคำของพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์[१०] วิญญาณพวกนั้นตะโกนเสียงดังว่า “พระผู้เป็นเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์และเที่ยงแท้ อีกนานไหมกว่าพระองค์จะตัดสินและลงโทษคนชั่วบนโลกนี้ที่ได้ฆ่าพวกเรา”[११] แล้วพระองค์ก็มอบเสื้อคลุมสีขาวให้แก่เขาเหล่านั้น และบอกพวกเขาให้พักผ่อนและคอยต่อไปอีกประเดี๋ยวหนึ่ง จนกว่าพวกพี่น้องที่รับใช้พระคริสต์ด้วยกันกับเขา จะถูกฆ่าแบบเดียวกับพวกเขาจนครบจำนวน |
|
Thai Bible (ERV) 2001 |
Copyright © 2001 by Bible League International |