๒ ทิโมธี ๑:๗ |
เพราะพระวิญญาณที่พระเจ้าให้กับเรานั้นไม่ทำให้เราขี้ขลาด แต่พระวิญญาณนี้ทำให้เราเต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ ความรัก และการควบคุมตนเอง |
|
เอเฟซัส 6:4 |
พวกคุณที่เป็นพ่อ อย่ายั่วยุลูกของตนให้โกรธ แต่ให้เลี้ยงดูเขาด้วยการอบรมสั่งสอน และเตือนสติตามแนวทางขององค์เจ้าชีวิต |
|
สุภาษิต 10:17 |
คนที่ยอมฟังคำแนะนำ จะเป็นหนทางที่นำไปสู่ชีวิต แต่คนที่ไม่ยอมฟังคำตักเตือน จะทำให้คนอื่นหลงทางไป |
|
สุภาษิต 12:1 |
คนที่รักความรู้ ก็ชอบให้คนอื่นแก้ไข แต่คนที่เกลียดชังการตักเตือนก็เป็นคนโง่เขลา |
|
สุภาษิต 13:1 |
ลูกชายที่ฉลาดย่อมฟังคำสั่งสอนของพ่อ แต่คนหยิ่งจองหองไม่ยอมฟังคำตักเตือน |
|
สุภาษิต ๑๓:๒๔ |
คนที่ยั้งไม้เรียวไว้ ก็เกลียดชังลูก แต่คนที่รักลูกจะไม่เพิกเฉยต่อการตีสอนลูก |
|
สุภาษิต ๒๒:๖ |
ช่วยเด็กหนุ่มให้เริ่มต้นในทางที่ถูกต้อง แม้เมื่อเขาแก่ตัวลง เขาจะไม่ละทิ้งทางนั้นไป |
|
สุภาษิต ๒๒:๑๕ |
ความโง่เขลาก็ผูกติดกับจิตใจของเด็กหนุ่ม แต่ไม้เรียวที่ตีสอนก็จะขจัดมันให้ไกลจากเด็กหนุ่มนั้น |
|
สุภาษิต 29:15-17 |
[15] ไม้เรียวและคำดุด่าก่อให้เกิดสติปัญญา แต่เด็กหนุ่มที่ถูกปล่อยให้ทำตามใจตัวเอง ก็จะทำให้แม่เขาอับอาย[16] เมื่อคนชั่วมีอำนาจ ความบาปก็เพิ่มขึ้น แต่ในที่สุดคนดีจะได้เห็นคนชั่วเหล่านั้นล้มลง[17] ตีสอนลูกชายของเจ้า แล้วเจ้าจะไม่ต้องเป็นห่วงกังวลเขา เขาจะทำให้จิตใจของเจ้าชื่นบาน |
|
วิวรณ์ 3:19 |
“เรารักใครเราก็จะตักเตือนและตีสอนคนนั้น ดังนั้นให้มีไฟและกลับตัวกลับใจ |
|
ทิตัส 1:8 |
แต่เขาจะต้องชอบรับแขกแปลกหน้า รักความดี สุขุมรอบคอบ ยุติธรรม บริสุทธิ์ และต้องรู้จักควบคุมตนเอง |
|
สุภาษิต ๒๓:๑๓-๑๔ |
[๑๓] อย่าได้ยั้งมือจากการตีสอนเด็กหนุ่ม ถ้าเจ้าตีเขาด้วยไม้เรียว เขาจะไม่ตายหรอก[๑๔] อันที่จริงถ้าเจ้าตีเขาด้วยไม้เรียว เจ้าก็จะช่วยชีวิตของเขาให้พ้นจากแดนคนตาย |
|
ฮีบรู 12:10-11 |
[10] พ่อของเราที่เป็นมนุษย์จะตีสอนเราแค่ชั่วคราวตามที่เห็นว่าควร แต่พระเจ้าจะตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อเราจะได้มีลักษณะเหมือนพระองค์[11] ตอนที่ถูกตีสอนนั้น ไม่มีใครชอบหรอกเพราะมันเจ็บ แต่ภายหลังการตีสอนนั้นจะฝึกฝนเรา แล้วผลที่ออกมาก็คือสันติสุข และชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ |
|
โยบ 5:17-18 |
[17] คนที่พระเจ้าตักเตือนนั้นได้รับเกียรติจริงๆ ดังนั้นอย่าดูถูกการตีสอนจากพระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น[18] เพราะพระองค์ทำให้เกิดบาดแผลและพระองค์ก็พันแผลให้ พระองค์ทำให้บาดเจ็บและมือของพระองค์เยียวยาให้ |
|
สุภาษิต 3:11-12 |
[11] ลูกเอ๋ย อย่าดูหมิ่นการตีสอนของพระยาห์เวห์ และอย่าได้ขุ่นเคืองเมื่อพระองค์ตักเตือน[12] เพราะพระยาห์เวห์จะตักเตือนคนที่พระองค์รัก เหมือนกับพ่อที่เตือนลูกที่เขาภาคภูมิใจ |
|
เฉลยธรรมบัญญัติ 8:5-6 |
[5] จำไว้ว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้อบรมสั่งสอนเหมือนพ่อที่อบรมสั่งสอนลูกของเขา[6] ดังนั้นให้เชื่อฟังบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ด้วยการเดินในทางของพระองค์และเกรงกลัวพระองค์ |
|
๑ โครินธ์ 9:25-27 |
[25] ทุกคนที่แข่งขันกันต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดทุกด้าน เขาทำเพื่อจะได้รับมงกุฎใบไม้ที่เน่าเปื่อยได้ แต่เราทำเพื่อที่จะได้รับมงกุฎที่ไม่มีวันเน่าเปื่อย[26] นี่เป็นวิธีที่ผมวิ่งคือวิ่งอย่างคนที่มีเป้าหมาย และนี่เป็นวิธีที่ผมชกคือไม่ใช่เหมือนคนที่ชกแต่ลม[27] แต่ผมฝึกฝนร่างกายอย่างหนักจนควบคุมมันได้ เพื่อเมื่อผมประกาศข่าวดีให้กับคนอื่นแล้ว ตัวผมเองจะไม่ถูกพระเจ้าปฏิเสธ |
|
๒ โครินธ์ 7:9-11 |
[9] ตอนนี้ผมดีใจ ไม่ใช่เพราะคุณเศร้าเสียใจหรอกนะ แต่เพราะความเศร้าเสียใจนั้นทำให้คุณกลับตัวกลับใจ เป็นความเศร้าเสียใจแบบที่พระเจ้าต้องการ พวกคุณก็เลยไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเราเลย[10] เพราะความเศร้าเสียใจแบบที่พระเจ้าต้องการนี้ทำให้คนกลับตัวกลับใจและได้รับความรอด ผมก็เลยไม่มีอะไรต้องเสียใจ แต่ความเศร้าเสียใจแบบโลกนี้สิที่นำไปถึงความตาย[11] ลองมาสังเกตดูสิว่าความเศร้าเสียใจแบบที่พระเจ้าต้องการนั้นมีผลอะไรกับคุณบ้าง เช่น ทำให้คุณเอาจริงเอาจัง อยากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง โกรธคนที่ทำผิด กลัวถูกลงโทษ อยากจะเจอกับเราอีก ห่วงใยผม และลงโทษคนทำผิด คุณก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในทุกๆทางว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ |
|
สดุดี 94:12-14 |
[12] ข้าแต่พระยาห์เวห์ คนที่พระองค์ตีสอนนั้น ถือว่ามีเกียรติจริงๆ คือคนที่พระองค์ต่อว่าด้วยกฎของพระองค์[13] พระองค์ให้เขาได้รับการบรรเทาในช่วงที่มีปัญหา จนกว่าพระองค์จะขุดหลุมของคนชั่วให้เสร็จ[14] พระยาห์เวห์จะไม่ทอดทิ้งคนของพระองค์ พระองค์จะไม่ละทิ้งชนชาติของพระองค์ |
|
ฮีบรู 12:5-9 |
[5] พวกคุณคงจะลืมคำที่ให้กำลังใจ คำพูดนี้เป็นคำที่ได้พูดกับคุณในฐานะที่เป็นลูกของพระเจ้าว่า “ลูกเอ๋ย อย่าถือว่าการตีสอนขององค์เจ้าชีวิตนั้นเป็นเรื่องเล่นๆ และอย่าหมดกำลังใจเมื่อพระองค์มาตักเตือนเจ้า[6] เพราะองค์เจ้าชีวิตจะตีสอนคนที่พระองค์รัก และจะลงโทษทุกคนที่พระองค์รับเป็นลูก”[7] ให้อดทนต่อความยากลำบาก เพราะเป็นการตีสอน แสดงว่าพระเจ้ากำลังทำกับพวกคุณเหมือนเป็นลูกของพระองค์ มีลูกคนไหนบ้างที่พ่อไม่เคยตีสอน[8] ถ้าคุณไม่ถูกตีสอนเหมือนกับลูกทั่วๆไป แสดงว่าไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ แต่เป็นลูกที่ไม่มีพ่อ[9] เราทุกคนมีพ่อที่เป็นมนุษย์ที่คอยตีสอนเรา แต่เราก็ยังเคารพเขาอยู่ดี ยิ่งกว่านั้นอีกสักเท่าไร เราควรจะเชื่อฟังพระบิดาของจิตวิญญาณเรา เพื่อเราจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป |
|
เอเฟซัส ๖:๑-๙ |
[๑] พวกคุณที่เป็นลูกๆ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ของตน ในฐานะที่คุณมีส่วนในองค์เจ้าชีวิต เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง[๒] กฎที่ว่า “ให้เกียรติพ่อแม่ของตน” นี่เป็นกฎข้อแรกที่มีคำสัญญาพ่วงมาด้วย[๓] “คือคุณจะเจริญรุ่งเรืองในทุกสิ่ง และอายุยืนยาวในแผ่นดินนี้”[๔] พวกคุณที่เป็นพ่อ อย่ายั่วยุลูกของตนให้โกรธ แต่ให้เลี้ยงดูเขาด้วยการอบรมสั่งสอน และเตือนสติตามแนวทางขององค์เจ้าชีวิต[๕] พวกคุณที่เป็นทาส ต้องเชื่อฟังเจ้านายฝ่ายโลกนี้ ควรเกรงกลัวจนตัวสั่นด้วยความจริงใจ เหมือนที่ทำกับพระคริสต์[๖] อย่าทำเป็นขยันแค่ต่อหน้าเมื่อมีคนมองเพื่อประจบสอพลอ แต่ควรจะทำงานเหมือนกับเป็นทาสของพระคริสต์ ที่เต็มใจทำตามความต้องการของพระเจ้า[๗] ให้เต็มใจรับใช้เหมือนกับที่ทำต่อองค์เจ้าชีวิตไม่ใช่ต่อมนุษย์[๘] จำไว้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นทาสหรือเป็นคนอิสระก็ตาม ถ้าทำความดีก็จะได้รับสิ่งตอบแทนจากองค์เจ้าชีวิต[๙] ในทำนองเดียวกัน พวกคุณที่เป็นเจ้านายอย่าได้ข่มขู่ทาสของตน จำไว้ว่าเจ้านายของคุณและของเขาก็อยู่บนสวรรค์ และพระองค์ก็ไม่ลำเอียงเข้าข้างใคร |
|
Thai Bible (ERV) 2001 |
Copyright © 2001 by Bible League International |