๑ ซามูเอล ๒:๗ |
พระยาห์เวห์ทำให้คนยากจนและทำให้คนร่ำรวย พระองค์ทำให้คนตกต่ำและทำให้คนสูงส่ง |
|
๒ โครินธ์ ๘:๙ |
พวกคุณก็รู้กันอยู่แล้วถึงความเมตตากรุณาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ที่ว่าถึงแม้พระองค์ร่ำรวย แต่ก็ยอมยากจนเพื่อเป็นประโยชน์กับคุณ พระองค์ยอมยากจนเพื่อคุณจะได้ร่ำรวย |
|
๓ ยอห์น ๑:๒ |
เพื่อนรัก ผมขออธิษฐานให้คุณเจริญรุ่งเรืองในทุกอย่างและมีสุขภาพที่ดีเหมือนกับที่คุณกำลังเป็นอยู่ |
|
ปัญญาจารย์ ๙:๑๐ |
สิ่งที่มือคุณทำได้ก็ให้ทำสุดแรงเกิดไปเลย เพราะในแดนคนตายที่จะต้องไปนั้น จะไม่มีการลงมือทำอะไรเลย ไม่มีแม้แต่ความคิด ความรู้ หรือสติปัญญา |
|
กาลาเทีย ๖:๙ |
อย่าเพิ่งท้อแท้ในการทำดี เพราะเมื่อถึงเวลาที่เหมาะ คุณก็จะได้เก็บเกี่ยวผลจากการทำดีนั้น ถ้าไม่เลิกไปซะก่อนนะ |
|
ปฐมกาล ๑๓:๒ |
ขณะนี้อับรามร่ำรวยมาก มีฝูงสัตว์ เครื่องเงินและทองมากมาย |
|
โฮเชยา ๔:๖ |
คนของเราถูกทำลายเพราะขาดความรู้เกี่ยวกับเรา เพราะเจ้าไม่ยอมเรียนรู้เกี่ยวกับเรา เราก็จะไม่ยอมรับเจ้าเป็นนักบวชของเราเหมือนกัน เจ้าลืมกฎคำสั่งสอนของพระเจ้าของเจ้า ดังนั้นเราจะลืมลูกหลานของเจ้าเหมือนกัน |
|
ยากอบ ๕:๑๒ |
พี่น้องครับ ที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด อย่าสาบานเลย ไม่ต้องอ้างถึงฟ้าสวรรค์ หรือแผ่นดินโลก หรืออะไรทั้งนั้น ถ้า “ใช่” ก็บอกว่า “ใช่” ถ้า “ไม่ใช่” ก็บอกว่า “ไม่ใช่” แค่นี้ก็พอแล้ว คุณจะได้ไม่ต้องถูกพิพากษา |
|
ยอห์น ๖:๑๒ |
เมื่อผู้คนกินกันจนอิ่มแล้ว พระองค์สั่งพวกศิษย์ว่า “เก็บขนมปังที่เหลือให้หมด จะได้ไม่เสียของ” |
|
ลูกา ๖:๓๘ |
ถ้าคุณให้คนอื่น พระเจ้าก็จะให้กับคุณ พระองค์จะใช้ถ้วยตวงที่อัดแน่นจนล้นออกมาเทลงบนตักของคุณ สรุปแล้วคุณทำกับคนอื่นแบบไหน คุณก็จะได้รับผลแบบนั้น” |
|
ลูกา ๑๒:๓๔ |
เพราะทรัพย์สมบัติของคุณอยู่ที่ไหน ใจของคุณก็อยู่ที่นั่นด้วย” |
|
สุภาษิต ๑๐:๒๒ |
เป็นพระยาห์เวห์ที่อวยพรให้คุณมั่งคั่ง งานหนักของคุณเองไม่ทำให้คุณมั่งคั่งกว่านั้นหรอก |
|
สุภาษิต ๑๑:๑๔ |
ถ้ากองทัพขาดผู้นำที่ฉลาด มันก็จะพ่ายแพ้ แต่ถ้ามีที่ปรึกษามากมายก็จะชนะ |
|
สุภาษิต ๑๙:๑๗ |
การเอื้อเฟื้อต่อคนจน คือการให้พระยาห์เวห์ยืม และพระองค์จะตอบแทนความดีที่เขาทำ |
|
สุภาษิต 21:17 |
คนรักความสนุกสนานจะยากจน คนที่รักเหล้าองุ่นและอาหารแพงๆจะไม่รวย |
|
สุภาษิต ๒๒:๙ |
คนที่ใจดีจะได้รับพระพร เพราะเขาแบ่งปันอาหารให้กับคนจน |
|
สุภาษิต 28:22-27 |
[22] คนโลภก็อยากรวยเร็วๆ แต่หารู้ไม่ว่า เขาจะยากจนในเร็วๆนี้[23] คนที่ว่ากล่าวตักเตือนคนอื่น ทีหลังก็จะเป็นที่ชื่นชอบ มากกว่าคนที่แกล้งยกยอคนอื่น[24] คนที่ขโมยของของพ่อแม่ แล้วบอกว่าไม่ผิด ก็ไม่ต่างจากพวกอันธพาล[25] คนโลภมีแต่จะกวนให้ทะเลาะกัน แต่คนที่ไว้วางใจในพระยาห์เวห์จะสมบูรณ์พูนสุข[26] คนที่ไว้วางใจในความคิดของตน คือคนโง่ แต่คนที่เดินตามสติปัญญาของครู จะปลอดภัย[27] คนที่หยิบยื่นให้กับคนจน จะไม่มีวันจน แต่คนที่ปิดหูปิดตาจากคนจน จะถูกสาปแช่งมากมาย |
|
สดุดี 24:1 |
เพลงสดุดีของดาวิด พระยาห์เวห์เป็นเจ้าของแผ่นดินโลกนี้และทุกอย่างที่อยู่ในมัน พระองค์เป็นเจ้าของโลกนี้และมนุษย์ทุกคนที่อาศัยอยู่บนมัน |
|
มัทธิว 6:33 |
แต่ให้ดิ้นรนหาอาณาจักรของพระเจ้าและชีวิตที่ทำตามใจพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะให้สิ่งที่จำเป็นทั้งหมดนี้กับพวกคุณเอง |
|
มัทธิว ๒๓:๒๓ |
น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าได้ให้หนึ่งในสิบส่วนของทุกอย่างที่เจ้ามีกับพระเจ้า แม้แต่สะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า เจ้าก็ให้ แต่พวกเจ้ากลับมองข้ามเรื่องที่สำคัญกว่าในกฎปฏิบัตินั้น คือความยุติธรรม ความเมตตา และความซื่อสัตย์ การให้หนึ่งในสิบส่วนนั้นก็ดีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ควรทิ้งคำสอนที่สำคัญกว่านี้ด้วยเหมือนกัน |
|
มัทธิว 25:21 |
นายจึงพูดกับเขาว่า ‘เยี่ยมมาก เจ้าเป็นทาสที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าได้ซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กๆน้อยๆเราจะตั้งให้เจ้าดูแลของจำนวนมาก มาร่วมฉลองกับเรา’ |
|
โรม 13:8 |
อย่าเป็นหนี้อะไรกับใครเลย นอกจากหนี้รักที่มีต่อกันและกัน เพราะคนที่รักคนอื่นก็ถือว่าได้ทำตามกฎครบถ้วนแล้ว |
|
สุภาษิต 3:9-10 |
[9] ให้ถวายเกียรติกับพระยาห์เวห์ด้วยทรัพย์สมบัติของเจ้า และด้วยผลผลิตแรกจากพืชผลทุกชนิดที่เจ้าปลูกไว้[10] แล้วยุ้งฉางของเจ้าจะเต็มเปี่ยมไปด้วยเมล็ดข้าว และถังเหล้าองุ่นของเจ้าก็จะเต็มล้นไปด้วยเหล้าองุ่นใหม่ |
|
สดุดี 121:1-2 |
[1] บทเพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร ข้าพเจ้าแหงนหน้ามองขึ้นไปยังภูเขาทั้งหลาย ความช่วยเหลือของข้าพเจ้าจะมาจากที่ไหนกัน[2] ความช่วยเหลือของข้าพเจ้ามาจากพระยาห์เวห์ ผู้สร้างสวรรค์และแผ่นดินโลก |
|
มาระโก 11:22-23 |
[22] พระเยซูบอกพวกศิษย์ว่า “เชื่อในพระเจ้าสิ[23] เรารับรองว่า ถ้าคุณเชื่อโดยไม่สงสัยเลย แม้คุณสั่งให้ภูเขานี้ลอยลงไปในทะเล มันก็จะเป็นไปตามนั้น |
|
ปฐมกาล ๑:๒๖-๒๗ |
[๒๖] พระเจ้าพูดอีกว่า “ขอให้เราสร้างมนุษย์ ขึ้นมาตามรูปแบบของเรา ให้เหมือนกับเรา และให้เขาปกครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศ สัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่ และโลกทั้งโลก รวมทั้งสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กทั้งหมดบนโลก”[๒๗] แล้วพระเจ้าได้สร้างมนุษย์ขึ้นตามรูปแบบของพระองค์ พระองค์สร้างเขาขึ้นตามรูปแบบของพระเจ้า พระองค์สร้างพวกเขาเป็นชายและหญิง |
|
๒ โครินธ์ 9:6-8 |
[6] จำเอาไว้ว่า คนที่หว่านน้อยก็จะเก็บเกี่ยวน้อย และคนที่หว่านมากก็จะเก็บเกี่ยวมาก[7] แต่ละคนควรจะให้ตามที่ตั้งใจไว้ ไม่ใช่ให้ด้วยความเสียดายหรือถูกบังคับ เพราะพระเจ้ารักคนที่ให้ด้วยใจที่ชื่นชมยินดี[8] พระเจ้าสามารถให้สิ่งดีๆมากมาย เพื่อคุณจะได้มีทุกอย่างเพียงพอเสมอไป และมีส่วนร่วมในงานการกุศลดีๆ มากมาย |
|
ลูกา 14:28-30 |
[28] สมมุติว่า คุณต้องการจะสร้างหอคอย สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ต้องคิดราคาค่าก่อสร้างก่อน ดูว่ามีเงินพอหรือเปล่า[29] เพราะไม่อย่างนั้น เมื่อคุณลงฐานแล้วเกิดเงินหมดก็ต้องหยุดสร้าง คนอื่นเห็นก็จะหัวเราะเยาะเอาได้[30] ว่า ‘คนนี้ลงมือสร้าง แต่ไม่มีปัญญาสร้างให้เสร็จ’ |
|
ลูกา 6:34-36 |
[34] หากคุณให้ยืมเฉพาะคนที่คุณหวังจะได้รับคืนจากเขาเท่านั้น มีอะไรพิเศษตรงไหนหรือ เพราะแม้แต่คนบาปก็ยังให้คนบาปยืมโดยหวังว่าจะได้คืนทั้งหมดเหมือนกัน[35] พวกคุณต้องรักศัตรูของคุณ ทำดีกับพวกเขาด้วย และให้พวกเขายืมโดยไม่ต้องหวังว่าจะได้คืน แล้วคุณจะได้รับรางวัลมากมาย และเป็นลูกที่แท้จริงของพระเจ้าสูงสุด เพราะพระเจ้าดีกับคนเนรคุณและคนชั่ว[36] ขอให้คุณแสดงความเมตตาเหมือนกับที่พระบิดาแสดงความเมตตา |
|
ยากอบ 5:1-3 |
[1] คนรวยทั้งหลาย ฟังไว้ให้ดี ร้องไห้คร่ำครวญซะ เพราะความทุกข์ยากกำลังมาถึงคุณแล้ว[2] ในไม่ช้านี้ทรัพย์สมบัติของคุณก็จะเน่าเปื่อยไป และเสื้อผ้าของคุณก็จะถูกแมลงกัดกิน[3] เงินทองของคุณก็ขึ้นสนิมหมดแล้ว สนิมพวกนี้แหละที่จะใช้เป็นหลักฐานมัดตัวคุณในวันพิพากษา และมันจะกัดกินคุณเหมือนไฟ ดูสิ จนถึงยุคสุดท้ายนี้แล้ว คุณก็ยังก้มหน้าก้มตาสะสมมันอยู่อีก |
|
ปฐมกาล ๑๒:๑-๒๐ |
[๑] พระยาห์เวห์พูดกับอับรามว่า “ให้ออกจากประเทศของเจ้า ละทิ้งประชาชน และครอบครัวของพ่อเจ้าเสีย และให้มุ่งไปยังดินแดนที่เราจะแสดงแก่เจ้า[๒] เราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ เราจะอวยพรเจ้า และทำให้ชื่อเจ้าเป็นที่รู้จักกว้างขวาง และเจ้าจะเป็นพระพรสำหรับคนอื่น[๓] เราจะอวยพรคนที่อวยพรเจ้า และจะสาปแช่งคนที่สาปแช่งเจ้า คนทั้งหลายบนโลกนี้จะได้รับพรจากเจ้าด้วย ”[๔] อับรามจึงออกจากเมืองฮารานพร้อมกับโลท และทำตามที่พระยาห์เวห์บอก ในขณะนั้นเขามีอายุเจ็ดสิบห้าปี[๕] อับรามพาเมียเขาที่ชื่อซาราย และหลานชายชื่อโลทไปด้วย รวมทั้งทรัพย์สมบัติทั้งหมดและทาสทั้งหมดที่เขาได้มาจากเมืองฮาราน พวกเขาทั้งหมดได้ออกเดินทางมาจนถึงแผ่นดินคานาอัน[๖] อับรามเดินทางผ่านดินแดนของชาวคานาอันและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองเชเคม สู่ต้นก่อของโมเรห์ (ซึ่งชาวคานาอันอาศัยอยู่ในเวลานั้น)[๗] พระยาห์เวห์ปรากฏตัวให้อับรามเห็นและพูดกับเขาว่า “เราจะให้ดินแดนแห่งนี้แก่ลูกหลานของเจ้า” อับรามสร้างแท่นบูชาขึ้นแท่นหนึ่งให้กับพระยาห์เวห์ที่ได้ปรากฏตัวให้เขาเห็น[๘] แล้วเขาก็ย้ายจากที่นั่นไปยังแถบเนินเขาทางตะวันออกของเมืองเบธเอล เขาตั้งเต็นท์ขึ้นที่นั่น ด้านตะวันตกคือเมืองเบธเอล ทางตะวันออกคือเมืองอัย เขาสร้างแท่นบูชาขึ้นอีกแท่นที่นั่น และเขาได้นมัสการพระยาห์เวห์[๙] หลังจากนั้นเขาก็เดินทางต่อไปยังเนเกบ[๑๐] ในขณะนั้นเกิดภาวะฝนแล้งและกันดารอาหารอย่างรุนแรง อับรามจึงเดินทางไปอาศัยในอียิปต์[๑๑] ก่อนที่เขาจะเข้าสู่เขตแดนของอียิปต์ เขาบอกนางซารายเมียของเขาว่า “ฟังนะ พี่รู้ว่าน้องเป็นผู้หญิงที่สวยมาก[๑๒] ถ้าผู้ชายชาวอียิปต์พบน้องเข้า พวกเขาจะพูดว่า ‘ผู้หญิงคนนี้เป็นเมียของผู้ชายที่มาด้วยแน่’ พวกนั้นก็จะฆ่าพี่แต่ไม่ฆ่าน้องหรอก[๑๓] ฉะนั้นให้บอกไปว่าน้องเป็นน้องสาวของพี่ เพื่อคนพวกนั้นจะได้ดีกับพี่และพี่ก็จะรอดชีวิตเพราะน้อง”[๑๔] เมื่ออับรามไปถึงอียิปต์ ชาวอียิปต์เห็นว่าซารายเป็นผู้หญิงที่สวยมาก[๑๕] และเมื่อพวกเจ้าหน้าที่ของฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์มาพบนาง จึงไปบอกกับฟาโรห์ว่านางสวยขนาดไหน หลังจากนั้น นางซารายจึงถูกนำตัวมาที่วัง[๑๖] กษัตริย์ฟาโรห์จึงปฏิบัติกับอับรามอย่างดี เพราะเขาเป็นพี่ชายของนางซาราย เขาได้รับแกะ วัว ลาตัวผู้ ลาตัวเมีย ทาสชายหญิง และพวกอูฐ[๑๗] แต่พระยาห์เวห์ทำให้เกิดโรคระบาดขึ้นอย่างรุนแรงกับฟาโรห์และคนในวัง เพื่อลงโทษฟาโรห์ที่ไปเอาเมียของอับรามมา[๑๘] กษัตริย์แห่งอียิปต์จึงเรียกตัวอับรามมาพบและถามว่า “นี่เจ้าทำอะไรกับเรา ทำไมถึงไม่บอกเราว่านางเป็นเมียเจ้า[๑๙] ทำไมถึงบอกว่า ‘นางเป็นน้องสาว’ ทำให้เรารับนางมาเป็นเมีย ตอนนี้เอาเมียของเจ้าคืนไปและออกไปให้พ้น”[๒๐] ฟาโรห์ได้ออกคำสั่งกับคนของพระองค์ให้ส่งอับรามกับเมียเขา รวมทั้งสิ่งของที่เป็นของเขา ออกจากอียิปต์ |
|
มัทธิว 6:1-34 |
[1] ระวังให้ดี อย่าทำความดีเพื่ออวดคนอื่น เพราะคุณจะไม่ได้รับรางวัลจากพระบิดาของคุณที่อยู่บนสวรรค์[2] เวลาที่คุณช่วยเหลือคนจน ก็อย่าไปทำเหมือนกับพวกหน้าซื่อใจคด ที่ชอบเป่าแตรในที่ประชุม หรือตามท้องถนนเพื่อให้คนมาดูและชมเชยเขา เพราะจริงๆแล้ว เราจะบอกให้รู้ว่า พวกเขาก็ได้รับคำชมนั้นเป็นรางวัลไปเรียบร้อยแล้ว[3] แต่เมื่อช่วยเหลือคนจน ก็อย่าให้มือซ้ายรู้ว่ามือขวาทำอะไร[4] ดังนั้นเมื่อคุณช่วยเหลือคนจน ก็ให้ทำเป็นความลับ และพระบิดาของคุณผู้เห็นสิ่งที่คุณทำเป็นความลับนี้ ก็จะให้รางวัลกับคุณ[5] เวลาที่คุณอธิษฐาน ก็อย่าทำเหมือนพวกหน้าซื่อใจคดพวกนั้น ที่ชอบยืนอธิษฐานในที่ประชุม หรือตามท้องถนนเพื่ออวดให้คนอื่นเห็น เราจะบอกให้รู้ว่า พวกเขาได้รับรางวัลไปเรียบร้อยแล้ว[6] ส่วนคุณ เมื่ออธิษฐานก็ให้เข้าไปในห้อง ปิดประตูและอธิษฐานต่อพระบิดาที่มองไม่เห็นด้วยตา และพระองค์จะมองเห็นสิ่งที่คุณทำเป็นความลับนี้ และให้รางวัลกับคุณ[7] เมื่อคุณอธิษฐาน ก็อย่าพูดซ้ำซากไร้สาระเหมือนคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าทำกัน เพราะพวกเขาคิดว่า ถ้าเขาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเขาจะได้รับคำตอบจากการอธิษฐานนั้น[8] อย่าทำเหมือนคนพวกนั้น เพราะพระบิดารู้ว่าคุณขาดอะไรก่อนที่คุณจะขอเสียอีก[9] คุณควรจะอธิษฐานอย่างนี้ว่า ‘พระบิดาของเราที่อยู่บนสวรรค์ ขอให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ[10] ขอให้อาณาจักรของพระองค์มาตั้งอยู่ในโลกนี้ ขอให้คนในโลกนี้ทำตามใจพระองค์ เหมือนอย่างที่เป็นในสวรรค์[11] โปรดให้พวกเรามีอาหารกินในทุกๆวัน[12] และโปรดยกโทษให้กับความบาปของพวกเรา เหมือนกับที่พวกเรายกโทษให้กับคนอื่นที่ทำบาปต่อเรา[13] อย่าปล่อยให้เราแพ้ต่อการยั่วยวน แต่ขอช่วยเหลือพวกเราให้พ้นจากสิ่งชั่วร้าย ’[14] ถ้าคุณยกโทษให้กับคนที่ทำบาปต่อคุณ พระบิดาของคุณที่อยู่บนสวรรค์ ก็จะยกโทษให้คุณด้วย[15] แต่ถ้าคุณไม่ยอมยกโทษให้คนอื่น พระบิดาของคุณก็จะไม่ยกโทษให้กับบาปของคุณเหมือนกัน[16] เมื่อคุณอดอาหารก็ไม่ต้องทำหน้าเศร้าเหมือนไอ้พวกหน้าซื่อใจคดทำกัน เพื่อให้คนเห็นว่าเขาอดอาหารอยู่ เราจะบอกให้รู้ว่า พวกเขาได้รับรางวัลของพวกเขาอย่างครบถ้วนแล้ว[17] แต่เมื่อคุณอดอาหาร ขอให้ล้างหน้าล้างตาให้แจ่มใส และใส่น้ำมันผม[18] จะได้ไม่มีใครรู้ว่าคุณกำลังอดอาหารอยู่ แต่พระบิดาของคุณที่มนุษย์มองไม่เห็น จะเห็นคุณโดยที่คุณไม่รู้และให้รางวัลกับคุณ[19] อย่าเก็บสะสมของมีค่าไว้ในโลกนี้ ซึ่งสนิมหรือแมลงทำลายได้ หรือที่ขโมยลักไปได้[20] แต่ให้เก็บสะสมทรัพย์สมบัติไว้บนสวรรค์ ที่สนิมและแมลงไม่มีวันทำลายได้ หรือขโมยก็ลักเอาไปไม่ได้[21] เพราะทรัพย์สมบัติของคุณอยู่ที่ไหน ใจของคุณก็จะอยู่ที่นั่นด้วย[22] ดวงตาเป็นตะเกียงของร่างกาย ถ้าดวงตาของคุณดี ร่างกายของคุณก็จะเต็มไปด้วยแสงสว่าง[23] แต่ถ้าดวงตาของคุณไม่ดี ร่างกายของคุณก็จะเต็มไปด้วยความมืด และถ้าแสงสว่างในร่างกายของคุณกลายมาเป็นความมืด ความมืดนั้นจะน่ากลัวขนาดไหน[24] ไม่มีใครรับใช้นายสองนายได้ เพราะเขาจะเกลียดนายคนหนึ่ง และรักอีกคนหนึ่ง หรือไม่ก็จะทุ่มเทให้กับนายคนหนึ่ง และจะดูถูกนายอีกคนหนึ่ง คุณจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมๆกันไม่ได้หรอก[25] ดังนั้นเราขอบอกคุณว่า ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชีวิตนี้ว่าจะมีอะไรกินอะไรดื่มไหม หรือเป็นห่วงร่างกายว่าจะมีอะไรสวมใส่ไหม เพราะชีวิตนั้นสำคัญยิ่งกว่าอาหารและร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเสื้อผ้า[26] ดูนกที่บินอยู่ในอากาศสิ มันไม่ต้องหว่านหรือเก็บเกี่ยว หรือสะสมเมล็ดพืชไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของคุณที่อยู่บนสวรรค์ก็ยังเลี้ยงดูพวกมันเลย แล้วพวกคุณมีค่ามากกว่านกพวกนั้นไม่ใช่หรือ[27] กังวลไปทำไม กังวลแล้วทำให้ชีวิตคุณยืดออกไปได้อีกสักชั่วโมงหรือเปล่าล่ะ[28] ถ้าอย่างนั้นจะไปกังวลเรื่องเสื้อผ้าทำไม ดูอย่างดอกไม้ป่าสิว่ามันโตได้ยังไง มันไม่ได้ทำงานและไม่ได้ปั่นด้ายเองแต่ก็ยังสวยกว่ากษัตริย์ซาโลมอนในชุดเต็มยศเสียอีก[29] เราจะบอกให้รู้ว่า แม้แต่กษัตริย์ซาโลมอนที่ร่ำรวยที่สุด ก็ยังแต่งตัวงดงามไม่เท่าดอกไม้พวกนี้สักดอก[30] ดูอย่างหญ้าในทุ่งสิ มันอยู่แค่วันนี้ พรุ่งนี้ก็ถูกเผาไฟแล้ว แต่พระเจ้ายังตกแต่งให้สวยถึงขนาดนี้ แล้วนับประสาอะไรกับพวกคุณเล่า พระองค์จะไม่ยิ่งตกแต่งให้มากกว่าทุ่งหญ้าหรือ พวกคุณนี่ช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริงๆ[31] ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่า ‘จะมีอะไรกินไหม’ หรือ ‘จะมีอะไรดื่มไหม’ หรือ ‘จะมีอะไรใส่ไหม’[32] พวกที่ไม่รู้จักพระเจ้าก็ดิ้นรนหาสิ่งเหล่านี้กัน แต่พระบิดาของคุณที่อยู่บนสวรรค์รู้อยู่แล้วว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็นสำหรับคุณ[33] แต่ให้ดิ้นรนหาอาณาจักรของพระเจ้าและชีวิตที่ทำตามใจพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะให้สิ่งที่จำเป็นทั้งหมดนี้กับพวกคุณเอง[34] ดังนั้นไม่ต้องกังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะพรุ่งนี้ก็มีเรื่องกังวลของมันอยู่แล้ว แต่ละวันก็มีปัญหามากพออยู่แล้วสำหรับวันนั้น |
|
เฉลยธรรมบัญญัติ ๒๘:๑-๖๘ |
[๑] ถ้าท่านเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอย่างเต็มที่ คือทำตามบัญญัติทั้งหมดของพระองค์อย่างระมัดระวัง บัญญัติที่เรากำลังสั่งท่านในวันนี้ แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านก็จะทำให้ท่านเหนือกว่าชนชาติทั้งหมดบนโลก[๒] ถ้าท่านเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน สิ่งดีๆพวกนี้ก็จะเกิดขึ้นกับท่าน คือ[๓] พระยาห์เวห์จะอวยพรท่าน ทั้งในเมืองและในชนบท[๔] พระยาห์เวห์จะอวยพรท่าน และให้ท่านมีลูกดก พระยาห์เวห์จะอวยพรแผ่นดินของท่าน และให้ผลผลิตที่ดีกับท่าน พระยาห์เวห์จะอวยพรพวกสัตว์ของท่าน และให้มันมีลูกดก พระยาห์เวห์จะอวยพรฝูงวัวของท่าน และให้พวกมันมีลูกดก พระยาห์เวห์จะอวยพรฝูงแพะของท่าน และให้พวกมันมีลูกดก[๕] พระยาห์เวห์จะทำให้ตะกร้าและชามนวดแป้งของท่าน เต็มไปด้วยอาหาร[๖] พระยาห์เวห์จะอวยพรท่าน ในทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำ[๗] พระยาห์เวห์จะช่วยให้ท่านชนะศัตรูที่มาโจมตีท่าน พวกมันจะบุกมาทางเดียว แต่จะวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไปเจ็ดทิศทาง[๘] พระยาห์เวห์จะอวยพรท่าน ทำให้มีข้าวเต็มยุ้งฉางท่าน และพระยาห์เวห์จะอวยพรทุกสิ่งที่ท่านทำ พระองค์จะอวยพรท่านในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่าน[๙] ถ้าท่านจะเชื่อฟังบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และถ้าท่านจะเดินในทางของพระองค์ พระยาห์เวห์ก็จะแยกท่านออกมาเพื่อเป็นคนของพระองค์โดยเฉพาะ ตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับท่าน[๑๐] แล้วทุกชนชาติบนโลกจะรู้ว่า ท่านเป็นของพระยาห์เวห์ แล้วพวกเขาจะเกรงกลัวท่าน[๑๑] พระยาห์เวห์จะทำให้ท่านมั่งคั่งอย่างล้นเหลือ พระองค์จะให้ท่านมีลูกดก ให้ฝูงสัตว์ของท่านเกิดลูกมากมาย ให้เกิดผลผลิตมากมายบนแผ่นดินของท่าน แผ่นดินที่พระยาห์เวห์สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของท่านว่าจะยกให้กับท่าน[๑๒] พระยาห์เวห์จะเปิดคลังแห่งพระพรของพระองค์ให้กับท่าน พระองค์จะเปิดท้องฟ้าให้ฝนตกลงมาบนแผ่นดินของท่านตามฤดูกาล และอวยพรทุกสิ่งที่ท่านทำ และท่านจะมีเงินเหลือเฟือให้ชาติอื่นยืม และท่านจะไม่ต้องยืมใคร[๑๓] ถ้าท่านเชื่อฟังคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ที่เรากำลังสั่งท่านอยู่ในวันนี้ และเชื่อฟังและทำตามอย่างระมัดระวัง และถ้าท่านไม่หันซ้ายหันขวาไปจากคำสั่งที่เรากำลังสั่งท่านอยู่ในวันนี้แล้วไปติดตามและนมัสการพระอื่น พระยาห์เวห์ก็จะทำให้ท่านเป็นหัวไม่ใช่หาง และท่านจะอยู่บนสุดไม่ใช่อยู่ที่ปลาย[๑๔] ***[๑๕] แต่ถ้าท่านไม่ยอมเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ไม่ระมัดระวังที่จะทำตามคำสั่งและกฎทั้งหมดของพระองค์ ที่เรากำลังสั่งท่านอยู่ในวันนี้ สิ่งที่เลวร้ายพวกนี้ก็จะเกิดขึ้นกับท่าน คือ[๑๖] พระยาห์เวห์จะสาปแช่งท่าน ในเมืองและในชนบท[๑๗] พระยาห์เวห์จะสาปแช่งตะกร้าและชามนวดแป้งของท่าน ให้ไม่มีอาหาร[๑๘] พระยาห์เวห์จะสาปแช่งท่าน ไม่ให้มีลูกดก พระยาห์เวห์จะสาปแช่งผืนดินของท่าน ไม่ให้เกิดพืชผลดี พระยาห์เวห์จะสาปแช่งฝูงสัตว์ของท่าน ไม่ให้เกิดลูกดก พระยาห์เวห์จะสาปแช่งฝูงแกะของท่าน ไม่ให้เกิดลูกดก[๑๙] พระยาห์เวห์จะสาปแช่งท่าน ในทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำ[๒๐] ไม่ว่าท่านจะพยายามทำอะไรก็ตาม พระยาห์เวห์จะสาปแช่งท่าน ทำให้ท่านสับสน และมีอุปสรรค จนกระทั่งท่านถูกทำลายและพินาศไปอย่างรวดเร็ว เพราะการกระทำที่ชั่วร้ายของท่าน ที่ท่านได้ละทิ้งพระยาห์เวห์[๒๑] พระยาห์เวห์จะทำให้ท่านเป็นโรคที่น่ากลัว จนกระทั่งพระองค์ทำลายท่านจากแผ่นดินที่ท่านกำลังจะเข้าไปยึดเป็นเจ้าของนั้น[๒๒] พระยาห์เวห์จะลงโทษท่านด้วยเชื้อโรค ทำให้น้ำหนักท่านลดอย่างรุนแรง มีไข้และบวม พระองค์จะทำให้อากาศร้อนดังไฟและแห้งแล้ง พระองค์จะให้ลมร้อนและโรครามาทำลายพืชผลของท่าน และสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับท่านจนกระทั่งท่านตาย[๒๓] ท้องฟ้าบนหัวของท่านจะส่องสว่างจ้าเหมือนทองแดงเพราะไม่มีเมฆฝน และพื้นดินใต้ท่านจะแข็งเหมือนเหล็กเพราะขาดฝน[๒๔] แทนที่จะส่งฝนมา พระยาห์เวห์จะส่งพายุฝุ่นและพายุทรายมาบนแผ่นดินของท่าน มันจะตกลงมาบนท่านจากท้องฟ้า จนกระทั่งท่านถูกทำลาย[๒๕] พระยาห์เวห์จะปล่อยให้ศัตรูเอาชนะท่าน ท่านใช้แค่เส้นทางเดียวตอนออกไปสู้กับเขา แต่ท่านต้องหนีกระเจิดกระเจิงไปถึงเจ็ดทิศทาง ทุกอาณาจักรบนโลกจะต้องกลัวจนตัวสั่น เมื่อเห็นสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับท่าน[๒๖] ศพของท่านจะกลายเป็นอาหารสำหรับนกทุกชนิดบนท้องฟ้าและสัตว์ทุกชนิดบนพื้นดิน และจะไม่มีใครมาไล่พวกมันไปด้วย[๒๗] พระยาห์เวห์จะลงโทษท่านด้วยฝีแบบชาวอียิปต์ เนื้องอก โรคผิวหนังและโรคหิด ที่ท่านรักษาไม่หาย[๒๘] พระยาห์เวห์จะลงโทษท่าน คือทำให้ท่านเป็นบ้า ตาบอดและใจสับสน[๒๙] และท่านจะต้องคลำทางในเวลากลางวันเหมือนคนตาบอดคลำหาทางในที่มืด และท่านจะล้มเหลวในทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำ ท่านจะถูกทำร้ายและถูกปล้นตลอดเวลา และจะไม่มีใครช่วยเหลือท่าน[๓๐] ท่านจะหมั้นกับหญิงคนหนึ่ง แต่ชายอีกคนจะข่มขืนนาง ท่านจะสร้างบ้าน แต่ท่านจะไม่ได้อยู่ ท่านจะปลูกองุ่น แต่จะไม่ได้กินผลของมัน[๓๑] วัวของท่านจะถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาท่านแต่ท่านจะไม่ได้กินมันเลย ลาของท่านจะถูกขโมยไปต่อหน้าท่านและท่านจะไม่ได้คืน ศัตรูของท่านจะเอาแกะของท่านไปและจะไม่มีใครช่วยเหลือท่าน[๓๒] คนอื่นจะมาเอาพวกลูกชายและลูกสาวของท่านไป และท่านจะตามหาพวกเขาวันแล้ววันเล่า จนตาของท่านเหนื่อยอ่อน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้[๓๓] คนชาติอื่นที่ท่านไม่รู้จักจะกินพืชผลที่ท่านทุ่มลงแรงปลูกอย่างหนัก คนอื่นจะทารุณท่านและกดขี่ท่านตลอดเวลา[๓๔] สิ่งต่างๆที่ท่านเห็นจะทำให้ท่านเป็นบ้า[๓๕] พระยาห์เวห์จะลงโทษท่าน ให้เป็นฝีที่เจ็บปวดทรมานและรักษาไม่หาย ให้ท่านเป็นฝีที่หัวเข่าและขาทั้งสองข้าง เป็นทั่วตัวตั้งแต่ฝ่าเท้าขึ้นมาจนถึงหัว[๓๖] พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทำให้ท่านและกษัตริย์ที่ท่านจะยกขึ้นเหนือท่าน ต้องไปอยู่ยังชนชาติที่ท่านและบรรพบุรุษของท่านไม่เคยรู้จักมาก่อน และที่นั่นท่านจะบูชาพระอื่นที่ทำจากไม้และหิน[๓๗] คนจะตกใจกลัวถึงสิ่งเลวร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นกับท่าน คนจะหัวเราะเยาะท่านและทำให้ท่านเป็นตัวตลกในหมู่ชนชาติอื่นที่พระยาห์เวห์จะนำท่านไป[๓๘] ท่านจะปลูกเมล็ดพืชมากมายในทุ่งนา แต่จะเก็บเกี่ยวได้น้อย เพราะตั๊กแตนจะมากิน[๓๙] ท่านจะปลูกองุ่นและทำงานอย่างหนักในไร่นั้น แต่ท่านจะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นจากพวกมัน และท่านจะไม่ได้เก็บผลองุ่นจากพวกมัน เพราะหนอนจะมากิน[๔๐] ท่านจะมีต้นมะกอกมากมายในที่ดินของท่าน แต่ท่านจะไม่ได้เอาน้ำมันมะกอกมาชโลมตัวท่านเอง เพราะมันจะร่วงและเน่าไป[๔๑] ท่านจะมีลูกชายและลูกสาว แต่พวกเขาจะไม่ได้อยู่กับท่าน เพราะพวกเขาจะถูกจับเอาตัวไป[๔๒] ตั๊กแตนจะมากินต้นไม้และพืชผลทั้งหมดของท่าน[๔๓] ชาวต่างชาติที่อยู่ท่ามกลางท่านก็จะยิ่งมีอำนาจมากขึ้นๆ ในขณะที่ท่านจะมีอำนาจน้อยลงๆ[๔๔] ชาวต่างชาติจะให้ท่านกู้ยืม แต่ท่านจะไม่สามารถให้เขากู้ยืมได้ เขาจะกลายเป็นหัวและท่านจะกลายเป็นหาง[๔๕] คำสาปแช่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นกับท่าน และพวกมันก็จะไล่ตามท่านและตะครุบท่านทัน จนกระทั่งท่านถูกทำลาย เพราะท่านไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และไม่ได้รักษาบัญญัติของพระองค์และกฎที่พระองค์ได้สั่งท่าน[๔๖] คำสาปพวกนี้จะตกอยู่กับพวกท่านและลูกหลานของท่าน คำสาปนี้จะแสดงให้คนเห็นว่า พระเจ้าได้ตัดสินท่านและลูกหลานของท่าน ผู้คนจะตกตะลึงตลอดไปกับเรื่องร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับท่านนี้[๔๗] เพราะท่านไม่ได้นมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยความชื่นชมยินดีและดีใจที่มีทุกสิ่งทุกอย่างเหลือเฟือ[๔๘] ท่านจะรับใช้ศัตรูของท่าน ที่พระยาห์เวห์จะส่งมาต่อสู้กับท่าน ท่านจะหิว กระหาย เปลือยเปล่าและไม่มีอะไรเลย พระองค์จะเอาแอกเหล็กมาใส่คอของท่าน จนกระทั่งพระองค์ทำลายท่าน[๔๙] พระยาห์เวห์จะนำชาติอื่นจากแดนไกล จากอีกฝั่งหนึ่งของโลกมาต่อสู้กับท่าน เหมือนนกอินทรีที่โฉบลงมาอย่างรวดเร็วจากท้องฟ้า จะเป็นชนชาติที่ท่านไม่รู้จักภาษาของพวกเขา[๕๐] เป็นชนชาติที่โหดร้ายที่ไม่เคารพผู้ใหญ่และไม่มีความเมตตากับคนหนุ่มสาว[๕๑] คนชาตินั้นจะกินลูกสัตว์จากฝูงสัตว์ของท่านและพืชผลจากที่ดินท่าน จนกระทั่งท่านถูกทำลาย พวกเขาจะไม่ทิ้งข้าว เหล้าองุ่น น้ำมัน ลูกวัวหรือลูกแกะไว้ให้ท่านจนกระทั่งท่านถูกทำลาย[๕๒] คนชาตินั้นจะล้อมท่านและโจมตีท่านในทุกเมือง ทั่วแผ่นดินของท่าน จนกระทั่งกำแพงพวกนั้นที่ทั้งสูงและแข็งแรง ที่ท่านไว้วางใจต้องพังลงมา คนชาตินั้นจะล้อมและโจมตีท่านในทุกเมือง ทั่วแผ่นดินของท่าน ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านยกให้กับท่าน[๕๓] เมื่อศัตรูของท่านล้อมท่านไว้และทำให้ท่านทนทุกข์ทรมาน ท่านจะกินลูกของตัวเอง กินเนื้อของลูกชายและลูกสาวของท่านที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ให้ท่านไว้[๕๔] แม้แต่สุภาพบุรุษ คนที่นุ่มนวลในหมู่พวกท่าน ที่ชอบเอาอกเอาใจคนอื่นที่สุด ยังกลายเป็นคนโหดร้ายกับพี่น้องของเขา กับเมียที่เขารักและกับลูกๆที่เขายังเหลืออยู่[๕๕] ดังนั้นเขาจะไม่ยอมแบ่งเนื้อของลูกเขา ที่เขากำลังกินอยู่ให้ใครเลย เพราะเขาอดอยากไม่มีอะไรจะกินแล้ว สิ่งเลวร้ายทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น เมื่อศัตรูของท่านล้อมท่านและทำให้ท่านทนทุกข์ทรมานในทุกเมืองของท่าน[๕๖] แม้แต่กุลสตรี คนที่นุ่มนวลในหมู่พวกท่าน ที่ชอบเอาอกเอาใจคนอื่นที่สุด แม้ยามเดินส้นเท้าก็ไม่เคยแตะพื้น เพราะนางเป็นคนที่นุ่มนวลและอ่อนช้อย นางจะกลายเป็นคนโหดร้ายกับสามีที่นางรัก กับลูกชายและลูกสาวของนาง[๕๗] นางจะไม่ยอมแบ่งเนื้อและรกของลูกนางที่เพิ่งคลอดออกมาให้กับลูกๆคนอื่นของนาง เพราะนางจะแอบเอาไว้กินเองเมื่อนางอดอยากไม่มีอะไรจะกิน สิ่งเลวร้ายทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อศัตรูของท่านล้อมท่านและทำให้ท่านต้องทนทุกข์ทรมาน ในทุกเมืองของท่าน[๕๘] ถ้าท่านไม่เชื่อฟังกฎทั้งหมดที่เขียนใส่หนังสือนี้อย่างระมัดระวัง และไม่ให้ความเคารพยำเกรงชื่อที่มีเกียรติและน่าเกรงขามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน[๕๙] พระยาห์เวห์จะลงโทษท่านและลูกหลานของท่านอย่างน่ากลัว เป็นการลงโทษที่รุนแรงตลอดไป ให้เกิดการเจ็บป่วยที่แสนจะทนทุกข์ทรมานตลอดไป[๖๐] พระองค์จะนำเชื้อโรคต่างๆที่ท่านหวาดกลัว ที่เกิดขึ้นในอียิปต์ หวนกลับมาหาท่าน และมันจะเกาะหนึบอยู่กับท่าน[๖๑] เชื้อโรคและความทุกข์ทรมานทุกอย่างที่ไม่ได้เขียนไว้ในกฎนี้ พระองค์จะทำให้เกิดขึ้นกับท่าน จนกระทั่งพระองค์ทำลายท่าน[๖๒] พวกท่านจะหลงเหลืออยู่ไม่กี่คน ถึงแม้ท่านจะเคยมีจำนวนมากมายมหาศาลเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้าก็ตาม เพราะท่านไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน[๖๓] ก็เหมือนกับที่พระยาห์เวห์เคยตั้งใจจะทำให้พวกท่านมีความสุขและมีจำนวนมากขึ้นอย่างมหาศาลอย่างไร พระยาห์เวห์ก็จะตั้งใจที่จะทำให้ท่านล่มจมและทำลายพวกท่านอย่างนั้น พวกท่านจะถูกถอนรากถอนโคนจากแผ่นดินที่ท่านกำลังจะเข้าไปเป็นเจ้าของ[๖๔] พระยาห์เวห์จะทำให้ท่านกระจัดกระจายไปในหมู่ของชนชาติอื่น จากสุดปลายด้านหนึ่งของโลกไปสู่อีกด้านหนึ่ง และที่นั่นท่านจะนมัสการพระอื่นที่ท่านและบรรพบุรุษของท่านไม่เคยรู้จักมาก่อน เป็นพระที่ทำจากไม้และหิน[๖๕] ท่านจะไม่มีความสงบสุขเลยท่ามกลางชนชาติเหล่านั้น แม้แต่ที่พักเท้าก็ยังไม่มี และที่นั่น พระยาห์เวห์จะทำให้ท่านมีจิตใจที่สั่นผวา สายตาที่อ่อนล้า และลำคอที่แห้งผาก[๖๖] ชีวิตของท่านจะตกอยู่ในอันตรายเสมอ หวาดกลัวทั้งกลางคืนและกลางวัน และไม่แน่ใจว่าจะมีชีวิตต่อไปหรือไม่[๖๗] ในตอนเช้าท่านจะพูดว่า ‘ขอให้อยู่ถึงตอนเย็น’ และในตอนเย็นท่านจะพูดว่า ‘ขอให้อยู่ถึงพรุ่งนี้’ เพราะความกลัวที่จะเกิดขึ้นในใจของท่านและสิ่งที่ตาท่านจะเห็น[๖๘] พระยาห์เวห์จะส่งท่านกลับไปอียิปต์ทางเรือ ใช้เส้นทางที่เราเคยสัญญาว่าท่านจะไม่ได้เห็นมันอีก ที่อียิปต์นั้นพวกท่านจะพยายามเสนอขายตัวเองไปเป็นทาสชายหญิงให้กับพวกศัตรู แต่จะไม่มีใครซื้อ” |
|
Thai Bible (ERV) 2001 |
Copyright © 2001 by Bible League International |