|
อพยพ ๓๔:๒๒-๔๓ |
[๒๒] เจ้าต้องรักษาเทศกาลแห่งสัปดาห์ ให้ใช้ผลผลิตแรกที่ได้จากการเก็บเกี่ยวข้าวสาลีในเทศกาลนี้ และในฤดูใบไม้ร่วง ให้ฉลองเทศกาลเก็บเกี่ยวปลายปี[๒๓] พวกผู้ชายทุกๆคนท่ามกลางเจ้าจะต้องมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของอิสราเอล ปีละสามครั้ง[๒๔] เราจะขับไล่ชนชาติอื่นออกไปจากเจ้า และจะขยายเขตแดนของเจ้า เมื่อเจ้าขึ้นไปอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าปีละสามครั้งนั้น จะไม่มีใครพยายามมาแย่งที่ดินของเจ้า[๒๕] ห้ามเอาเลือดของเครื่องเซ่นไหว้เรา มาถวายพร้อมกับของที่ใส่เชื้อฟู และเครื่องเซ่นไหว้ในเทศกาลปลดปล่อยนั้น ห้ามเหลือค้างคืนจนถึงวันรุ่งขึ้น[๒๖] ทุกๆปี เจ้าต้องเอาผลผลิตที่ดีที่สุด ที่เก็บเกี่ยวครั้งแรกในปีนั้นไปยังสถานที่นมัสการพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า เจ้าต้องไม่ต้มลูกแพะในน้ำนมของแม่มัน”[๒๗] พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้เขียนคำสั่งพวกนี้ลงไป เพราะคำสั่งพวกนี้ เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่เราทำกับเจ้าและกับชาวอิสราเอล”[๒๘] โมเสสอยู่ที่นั่นกับพระยาห์เวห์สี่สิบวัน สี่สิบคืน เขาไม่ได้กินอาหารหรือดื่มน้ำเลย เขาเขียนคำสั่งต่างๆของข้อตกลงทั้งสิบข้อลงบนแผ่นหินสองแผ่นนั้น[๒๙] เมื่อโมเสสลงมาจากภูเขาซีนาย เขาถือแผ่นหินคำสอน สองแผ่นแห่งข้อตกลงนั้นในมือ โมเสสไม่รู้ว่าผิวหน้าของเขาเรืองแสงออกมา เพราะพระยาห์เวห์ได้พูดกับเขา[๓๐] เมื่ออาโรนและประชาชนชาวอิสราเอลเห็นโมเสส พร้อมกับใบหน้าที่สว่างจ้า พวกเขาไม่กล้าเข้ามาหาโมเสส[๓๑] โมเสสจึงเรียกพวกเขา อาโรนและพวกผู้นำทั้งหมดของที่ชุมนุมก็มาหาโมเสส โมเสสพูดกับพวกเขา[๓๒] หลังจากนั้น ประชาชนชาวอิสราเอลก็เข้ามาหาโมเสส แล้วโมเสสก็ได้สั่งพวกเขาถึงสิ่งทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ได้บอกเขาบนภูเขาซีนาย[๓๓] เมื่อโมเสสพูดกับพวกเขาเสร็จ เขาก็เอาผ้าคลุมมาปิดหน้าไว้[๓๔] เมื่อโมเสสมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ โมเสสก็เอาผ้าคลุมหน้าออก จนกว่าเขาจะออกมาจากเต็นท์นัดพบ เขาก็จะบอกกับชาวอิสราเอลถึงสิ่งที่เขาได้รับคำสั่งมา[๓๕] พวกคนอิสราเอลเห็นว่าผิวของโมเสสส่องแสง ดังนั้น โมเสสจึงเอาผ้ามาคลุมหน้าไว้ จนกว่าเขากลับไปพูดกับพระยาห์เวห์อีก[๓๖] โมเสสได้รวบรวมที่ชุมนุมทั้งหมดของประชาชนชาวอิสราเอล และพูดกับพวกเขาว่า “นี่คือคำสั่งต่างๆที่พระยาห์เวห์สั่งให้ทำ[๓๗] ให้ทำงานหกวัน แต่ในวันที่เจ็ด พวกท่านจะต้องมีวันหยุดอันศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระยาห์เวห์ ใครก็ตามที่ทำงานในวันหยุดทางศาสนาจะต้องถูกฆ่า[๓๘] ในวันหยุดทางศาสนานี้ ท่านต้องไม่ก่อไฟในที่อยู่อาศัยของท่านเลย”[๓๙] โมเสสพูดกับที่ชุมนุมของประชาชนชาวอิสราเอลว่า “นี่คือคำสั่งที่พระยาห์เวห์สั่งให้มาบอก คือ[๔๐] ‘ให้รวบรวมพวกของถวายมาให้กับพระยาห์เวห์ ทุกคนที่อยากจะถวายอะไร ก็ให้เอาของขวัญนั้นมาถวายให้กับพระยาห์เวห์ ทั้งทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์[๔๑] ด้ายสีน้ำเงิน สีม่วงและสีแดงเข้ม ผ้าลินินอย่างดี และขนแพะ[๔๒] หนังที่ทำจากแกะตัวผู้ หนังปลาโลมา ไม้กระถิน[๔๓] น้ำมันสำหรับจุดไฟ เครื่องเทศเพื่อทำน้ำมันเจิม และทำเครื่องหอม |
|
เฉลยธรรมบัญญัติ ๑๖:๙-๒๕ |
[๙] นับจากวันที่เริ่มเก็บเกี่ยวข้าวเป็นครั้งแรกไปอีกเจ็ดอาทิตย์[๑๐] ให้ฉลองเทศกาลสัปดาห์ สำหรับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน จำนวนของเครื่องบูชาที่ท่านสมัครใจจะให้ ก็เป็นไปตามขนาดที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้อวยพรท่าน[๑๑] ท่าน ลูกชายลูกสาวของท่าน ทาสชายหญิงของท่าน ชาวเลวี ในเมืองของท่าน ชาวต่างชาติ เด็กกำพร้า และแม่หม้ายในหมู่ท่าน ให้ชื่นชมยินดีต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ในสถานที่นั้นที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะเลือกไว้สำหรับนมัสการพระองค์[๑๒] จำไว้ว่าท่านเคยเป็นทาสอยู่ในอียิปต์ และให้ทำตามกฎพวกนี้ทั้งหมดอย่างระมัดระวัง[๑๓] ให้ฉลองเทศกาลอยู่เพิงเป็นเวลาเจ็ดวัน หลังจากที่ท่านได้เก็บรวบรวมผลผลิตจากลานนวดข้าวและที่บ่อย่ำองุ่น ของท่าน[๑๔] ในระหว่างงานเลี้ยง ให้ท่าน ลูกชายลูกสาวของท่าน ทาสชายหญิงของท่าน ชาวเลวี ชาวต่างชาติ เด็กกำพร้าและแม่หม้ายในเมืองของท่าน ชื่นชมยินดี[๑๕] และเฉลิมฉลองงานเทศกาลให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเป็นเวลาเจ็ดวันในสถานที่นั้นที่พระยาห์เวห์จะเลือกไว้ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะอวยพรท่าน ในผลผลิตทั้งหมดที่ท่านเก็บเกี่ยวและในงานทุกอย่างที่ท่านทำ และท่านจะมีความสุขอย่างครบถ้วน[๑๖] ผู้ชายทุกคนต้องมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านปีละสามครั้ง ในสถานที่นั้นที่พระองค์จะเลือกไว้ คือในเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อฟู เทศกาลสัปดาห์และเทศกาลอยู่เพิง ชายทุกคนที่มาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ต้องไม่มามือเปล่า[๑๗] ชายแต่ละคนจะต้องให้ตามความสามารถที่เขาจะทำได้ ตามขนาดที่พระยาห์เวห์ได้ให้กับท่าน[๑๘] ท่านจะต้องแต่งตั้งผู้ตัดสินและเจ้าหน้าที่สำหรับเผ่าต่างๆของท่าน ในแต่ละเมืองที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้ท่าน พวกเขาต้องตัดสินประชาชนอย่างยุติธรรม[๑๙] ท่านต้องไม่ตัดสินอย่างไม่เป็นธรรม ท่านต้องไม่ลำเอียง ท่านต้องไม่รับสินบน เพราะสินบนทำให้คนฉลาดต้องตาบอด และเปลี่ยนคนดีให้พูดหลอกลวง[๒๐] ความยุติธรรม ท่านต้องให้แต่ความยุติธรรม เพื่อท่านจะได้มีชีวิตอยู่และเป็นเจ้าของแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะยกให้กับท่าน[๒๑] เมื่อท่านสร้างแท่นบูชาให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านต้องไม่ตั้งเสาไม้เพื่อให้เกียรติกับพระอาเชริมที่ด้านข้างของแท่นบูชานั้น[๒๒] ท่านต้องไม่ตั้งเสาหินอุทิศให้กับพระเทียมเท็จ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเกลียดของพวกนี้[๒๓] ท่านต้องไม่เอาวัวตัวผู้หรือแกะที่มีตำหนิหรือมีสิ่งผิดปกติมาถวายเป็นเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเกลียด[๒๔] ถ้าเจอว่าในเมืองหนึ่งเมืองใดของท่านที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้ท่าน มีชายหรือหญิงในหมู่พวกท่านทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของของท่านเห็นว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายและฝ่าฝืนข้อตกลงของพระองค์[๒๕] คือว่าพวกเขาไปรับใช้พวกพระอื่นๆและกราบไหว้พระพวกนั้น ไม่ว่าจะเป็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์หรือดาวดวงต่างๆซึ่งเราไม่ได้สั่งให้ทำอย่างนั้น |
|
กิจการของอัครทูต ๒:๑-๑๓ |
[๑] เมื่อถึงวันเพ็นเทคอสต์ พวกศิษย์ของพระเยซูก็มารวมตัวกันในที่แห่งหนึ่ง[๒] จู่ๆก็มีเสียงจากท้องฟ้าคล้ายกับเสียงพายุพัดอย่างแรง ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบ้านที่พวกเขากำลังนั่งกันอยู่[๓] จากนั้นพวกเขาก็เห็นบางอย่างคล้ายเปลวไฟที่มีรูปร่างเหมือนลิ้นได้กระจายออกไปอยู่เหนือพวกเขาแต่ละคน[๔] แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ได้เข้าไปอยู่ในตัวพวกเขาอย่างบริบูรณ์ แล้วพวกเขาทุกคนก็เริ่มพูดภาษาต่างๆตามแต่ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะให้เขาพูดได้[๕] ชาวยิวที่นับถือพระเจ้าจากชาติต่างๆทั่วโลก มาอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเวลานั้น[๖] เมื่อได้ยินเสียงอื้ออึง ก็มามุงดูกัน และต่างก็รู้สึกงุนงงสงสัยที่พวกเขาต่างก็ได้ยินศิษย์ของพระเยซูพวกนี้พูดภาษาของพวกเขา[๗] พวกเขาทึ่งมากถึงกับพูดว่า “คนพวกนี้เป็นชาวกาลิลีทั้งนั้นเลยไม่ใช่หรือ[๘] แล้วทำไมพวกเราถึงได้ยินเขาพูดภาษาบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเราล่ะ[๙] ซึ่งมีทั้งมาจาก ปารเธีย มีเดีย เอลาม เมโสโปเตเมีย ยูเดีย คัปปาโดเซีย ปอนทัส เอเชีย[๑๐] ฟรีเจียและปัมฟีเลีย อียิปต์และบางส่วนของลิเบียใกล้กับเมืองไซรีน แขกที่มาเยือนจากกรุงโรม[๑๑] (มีทั้งยิวโดยกำเนิด กับคนที่เปลี่ยนมาถือแบบยิว) เกาะครีต และอาระเบีย แล้วเราทั้งหมดต่างก็ได้ยินคนพวกนี้พูดถึงสิ่งยอดเยี่ยมต่างๆที่พระเจ้าได้ทำเป็นภาษาบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเราเอง”[๑๒] ผู้คนทั้งหมดรู้สึกสับสนอลหม่าน ถามไถ่กันว่า “นี่มันอะไรกัน”[๑๓] บางคนหัวเราะเยาะศิษย์ของพระเยซู โดยพูดว่า “พวกนี้เมาเหล้าองุ่น” |
|
Thai Bible (ERV) 2001 |
Copyright © 2001 by Bible League International |