๑ โครินธ์ ๑๓:๖ |
ความรักไม่ยินดีเมื่อเห็นคนอื่นทำชั่วแต่ยินดีกับความจริง |
|
๑ ยอห์น ๕:๑๙ |
เรารู้ว่าเราเป็นของพระเจ้า ถึงแม้ว่าโลกนี้จะอยู่ในมือของมารก็ตาม |
|
๑ พงศ์กษัตริย์ ๑๔:๙ |
แต่เจ้ากลับทำความชั่วไว้มากมายกว่าคนอื่นๆที่เคยมีชีวิตอยู่ก่อนหน้าเจ้า เจ้าได้สร้างพวกพระอื่นสำหรับตัวเจ้าเอง คือรูปเคารพที่หล่อจากเหล็ก เจ้ายั่วเราให้โกรธและเหวี่ยงเราทิ้งไปข้างหลังเจ้า |
|
๑ พงศ์กษัตริย์ ๑๗:๑๓ |
เอลียาห์พูดกับนางว่า “อย่ากลัวเลย กลับไปบ้านและทำอย่างที่ท่านได้พูดไว้ แต่ท่านต้องทำขนมปังก้อนเล็กๆให้เราก่อนจากของที่ท่านมีอยู่ และเอามันมาให้กับเรา หลังจากนั้นก็ทำขนมปังให้กับตัวท่านเองและลูกชายของท่าน |
|
๑ เปโตร ๓:๙ |
อย่าตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว หรือด่าคนที่ด่าว่าคุณ แต่ให้อวยพรเขาแทน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่พระเจ้าเรียกให้คุณทำ แล้วพระองค์จะอวยพรคุณ |
|
๑ ซามูเอล ๑๒:๒๐ |
ซามูเอลตอบว่า “ไม่ต้องกลัว แม้พวกท่านได้ทำสิ่งชั่วร้ายนี้ ก็อย่าได้หันไปจากพระยาห์เวห์ แต่ให้รับใช้พระยาห์เวห์อย่างสุดหัวใจ |
|
๑ ซามูเอล ๑๕:๒๓ |
เพราะการกบฏ เป็นบาปอย่างกับไปดูหมอ ความดื้อดึง เลวอย่างกับการกราบไหว้รูปเคารพ ท่านได้ละทิ้งคำพูดของพระยาห์เวห์ พระองค์ก็เลยละทิ้งท่านไม่ให้เป็นกษัตริย์” |
|
๑ เธสะโลนิกา ๕:๒๒ |
หลีกหนีจากสิ่งที่ชั่วร้ายทุกชนิด |
|
๒ พงศาวดาร ๒๙:๖ |
บรรพบุรุษของพวกเราไม่ซื่อสัตย์ พวกเขาทำชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา และละทิ้งพระองค์ พวกเขาหันหน้าหนีไปจากสถานที่อยู่อาศัยของพระยาห์เวห์ และหันหลังให้กับพระองค์ |
|
๒ ทิโมธี ๒:๒๒ |
ให้วิ่งหนีจากราคะตัณหาของคนหนุ่มสาว แต่ไล่ตามสิ่งที่ถูกต้อง เช่นความเชื่อ ความรัก และสันติสุข ร่วมกับคนเหล่านั้นที่ร้องเรียกองค์เจ้าชีวิตด้วยใจที่สะอาดบริสุทธิ์ |
|
อิสยาห์ ๕:๒๐ |
เฮ้ย ไอ้พวกที่เรียกสิ่งชั่วร้ายว่าดีและสิ่งที่ดีว่าชั่วร้าย ไอ้พวกที่พูดว่าความมืดเป็นความสว่างและความสว่างเป็นความมืด ไอ้พวกที่ถือว่าความขมเป็นความหวานและความหวานเป็นความขม |
|
อิสยาห์ ๓๒:๖ |
เพราะคนโง่ก็พูดแต่เรื่องโง่ๆ และจิตใจของพวกเขาก็วางแผนแต่เรื่องชั่วๆ ทำในสิ่งที่ขัดกับทางของพระเจ้า และพูดเท็จเรื่องของพระยาห์เวห์ พวกเขาปล่อยให้คนที่หิวโหย หิวต่อไป และไม่ให้น้ำกับคนที่กระหายน้ำดื่ม |
|
ยอห์น ๓:๒๐ |
ทุกคนที่ทำชั่วก็เกลียดความสว่าง และจะไม่เข้ามาอยู่ในความสว่าง กลัวว่าความสว่างจะเปิดเผยความชั่วที่เขาทำออกมาให้เห็น |
|
ผู้วินิจฉัย ๒:๑๙ |
แต่เมื่อผู้นำคนนั้นตายไป พวกอิสราเอลก็หันกลับไปทำชั่วยิ่งกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเสียอีก พวกเขาไปติดตามรับใช้และกราบไหว้พวกพระอื่นๆ พวกอิสราเอลไม่ยอมทิ้งสิ่งชั่วร้ายที่พวกเขาทำกันอยู่หรือการกระทำที่ดื้อดึงของพวกเขา |
|
โยบ ๔:๘ |
ที่ข้าเคยเห็นมาคนที่ไถพรวนความชั่วร้าย และคนที่ปลูกความทุกข์ยาก ก็จะได้เก็บเกี่ยวสิ่งเหล่านั้น |
|
สุภาษิต ๓:๗ |
อย่าได้คิดว่าตัวเองฉลาด แต่ให้ยำเกรงพระยาห์เวห์และหันไปจากสิ่งชั่วร้าย |
|
สุภาษิต ๔:๑๖ |
เพราะถ้าคนชั่วพวกนั้นไม่ได้ทำชั่ว พวกมันก็จะนอนไม่หลับ ถ้าพวกมันยังไม่ได้ทำให้คนหนึ่งคนใดสะดุดล้มลง เวลานอนของพวกมันก็จะถูกขโมยไป |
|
สุภาษิต ๘:๑๓ |
ความยำเกรงพระยาห์เวห์นั้น คือการเกลียดชังความชั่ว และเราก็เกลียดชังความหยิ่งจองหอง การกระทำชั่วร้ายและคำพูดหลอกลวง |
|
สุภาษิต ๑๐:๒๙ |
พระยาห์เวห์จะเป็นที่หลบภัยสำหรับคนที่ใช้ชีวิตอย่างไม่มีที่ติ แต่พระองค์นำความหายนะมาสู่พวกที่ทำชั่ว |
|
สุภาษิต ๑๒:๒๐ |
ความหลอกลวงอยู่ในจิตใจของคนที่วางแผนทำชั่ว แต่ความชื่นชมยินดีย่อมอยู่ในจิตใจของคนที่วางแผนทำดี |
|
สดุดี ๗:๑๔ |
ดูเถิด คนชั่วเริ่มตั้งท้องการกระทำชั่วช้าทั้งหลาย อุ้มท้องสิ่งที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อน และมันก็คลอดการหลอกลวงออกมา |
|
สดุดี ๒๘:๓ |
โปรดอย่าลากข้าพเจ้าออกไปลงโทษร่วมกับคนที่ทำชั่ว ปากของพวกเขาพูดอย่างเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านแต่ใจคิดร้ายกับเขา |
|
สดุดี ๓๗:๙ |
เพราะคนชั่วจะถูกตัดออกไปจากแผ่นดิน แต่คนที่รอคอยพระยาห์เวห์จะได้กรรมสิทธิ์ในแผ่นดินที่พระองค์สัญญาไว้กับพวกเขา |
|
สดุดี ๕๐:๑๙ |
เจ้าปล่อยให้ปากของเจ้าพูดเรื่องชั่วช้า และปล่อยให้ลิ้นของเจ้าหลอกลวง |
|
สดุดี ๗๓:๗ |
พวกเขาอ้วนจนตาถลน จิตใจเต็มไปด้วยความคิดชั่วร้าย |
|
สดุดี ๑๔๑:๔ |
ขออย่าได้หันจิตใจของข้าพเจ้าไปสู่สิ่งชั่วร้าย อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าไปร่วมมือกับคนชั่วทำสิ่งเลว และอย่าให้ข้าพเจ้าไปมีส่วนร่วมในงานเลี้ยงของพวกมัน |
|
โรม ๖:๑๒ |
ดังนั้นอย่าปล่อยให้บาปมาเป็นเจ้าครอบครองร่างกายที่ต้องตายของคุณอีกเลย คือให้ความบาปทำให้คุณต้องเชื่อฟังและทำตามกิเลสตัณหาของมัน |
|
โรม ๑๒:๒๑ |
อย่าให้ความชั่วชนะคุณ แต่ให้เอาชนะความชั่วด้วยความดี |
|
มาระโก ๗:๒๑-๒๒ |
[๒๑] เพราะที่ออกมาจากตัวก็ออกมาจากจิตใจ และใจนี่เองเป็นที่มาของความคิดชั่วร้าย ความผิดบาปทางเพศ การลักขโมย การฆ่ากัน[๒๒] การมีชู้ ความโลภ ความชั่วต่างๆ การหลอกลวง ราคะตัณหา การอิจฉาริษยา การนินทาว่าร้าย ความเย่อหยิ่งจองหอง และ ความโง่เขลา |
|
มัทธิว ๑๒:๓๔-๓๕ |
[๓๔] ไอ้ชาติอสรพิษ คำพูดดีๆและถูกต้องจะมาจากปากคนชั่วๆอย่างพวกเจ้าได้อย่างไรกัน ในเมื่อใจเต็มไปด้วยอะไร ปากก็จะพูดสิ่งนั้น[๓๕] คนดีก็จะพูดแต่สิ่งดีๆที่อยู่ในใจของเขา แต่คนชั่วก็จะพูดแต่สิ่งชั่วๆที่อยู่ในใจของเขาเหมือนกัน |
|
ยากอบ ๑:๑๓-๑๔ |
[๑๓] อย่าให้คนที่กำลังถูกล่อลวงพูดว่า “พระเจ้าล่อลวงฉัน” เพราะพระเจ้าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องชั่วร้ายและพระองค์ก็ไม่เคยล่อลวงใครด้วย[๑๔] แต่เป็นเพราะกิเลสของตัวเองต่างหากที่มาล่อลวงและชักนำให้หลงไป |
|
ยากอบ ๓:๖-๘ |
[๖] ลิ้นก็คือไฟนี่แหละ มันเป็นโลกของความชั่วร้าย ที่อยู่ท่ามกลางอวัยวะอื่นๆของร่างกายเรา และมันทำให้ทั้งร่างของเราเสื่อมไป มันเผาเราทั้งชีวิตด้วยไฟที่ตรงมาจากนรก[๗] สัตว์ทุกชนิดทำให้เชื่องได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น นก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์น้ำ แล้วก็มีคนเคยทำให้พวกมันเชื่องมาแล้วด้วย[๘] แต่กับลิ้นนี่ ไม่มีใครทำให้มันเชื่องได้เลย มันดุร้ายและชั่วช้า เต็มไปด้วยพิษสงถึงตายได้ |
|
โรม ๒:๒๙-๓๒ |
[๒๙] แต่คนยิวแท้ๆคือคนที่เป็นยิวจากภายใน มนุษย์ได้รับพิธีขลิบที่แท้จริงในจิตใจจากพระวิญญาณ มันไม่ใช่การผ่าตัดที่มนุษย์ทำกันเพื่อทำตามรายละเอียดที่เขียนไว้ในกฎ คนอย่างนี้ได้รับเกียรติจากพระเจ้า ไม่ใช่จากมนุษย์[๓๐] ถ้าอย่างนั้น การเป็นยิวนั้นได้เปรียบตรงไหนหรือ ทำพิธีขลิบนั้นดีตรงไหนหรือ[๓๑] ดีแน่นอน มันมีประโยชน์มากในทุกเรื่อง เรื่องแรกคือ พระเจ้ามอบถ้อยคำของพระองค์ให้กับพวกยิว[๓๒] ถ้าคนยิวบางคนไม่ซื่อสัตย์กับพระองค์ พระเจ้าจะไม่ซื่อสัตย์ไปด้วยหรือ |
|
โรม ๒:๘-๑๒ |
[๘] ส่วนคนที่เห็นแก่ตัว และไม่ยอมทำตามความจริงแต่กลับทำชั่ว พระเจ้าก็จะตอบแทนด้วยความโกรธแค้น และจะลงโทษเขา[๙] มนุษย์ที่ทำชั่วจะได้รับความทุกข์ยากและความเจ็บปวดรวดร้าว โดยพวกชาวยิวจะได้รับก่อน จากนั้นก็เป็นพวกคนที่ไม่ใช่ยิว[๑๐] แต่สำหรับทุกคนที่ทำความดีจะได้รับศักดิ์ศรี เกียรติยศ และสันติสุข โดยพวกชาวยิวจะได้รับก่อน ต่อไปก็พวกที่ไม่ใช่ยิว[๑๑] เพราะพระเจ้าไม่ลำเอียง[๑๒] สำหรับคนที่อยู่นอกกฎ เมื่อเขาทำบาปก็จะถูกทำลายโดยไม่ต้องอ้างกฎ ส่วนคนที่อยู่ใต้กฎ เมื่อทำบาปก็จะถูกลงโทษตามกฎนั้น |
|
เอเฟซัส ๖:๑๒-๑๖ |
[๑๒] เพราะพวกเราไม่ได้ต่อสู้กับมนุษย์ แต่ต่อสู้กับพวกผู้ครอบครอง พวกผู้มีอำนาจ ต่อสู้กับพวกเทพเจ้าที่ครองโลกมืดนี้ และต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วร้ายในโลกฝ่ายวิญญาณ[๑๓] เพราะอย่างนี้ ให้สวมชุดเกราะที่พระเจ้ามอบให้อย่างเต็มยศ เพื่อคุณจะสามารถยืนหยัดได้เมื่อวันอันชั่วร้ายมาถึง และเมื่อทุกอย่างจบสิ้นแล้ว พวกคุณก็ยังคงยืนหยัดต่อไปได้[๑๔] ดังนั้นให้ยืนหยัดไว้ เอาความจริงรัดเอวไว้เหมือนเข็มขัด เอาชีวิตที่พระเจ้าชอบใจมาสวมเป็นเกราะป้องกันอก[๑๕] เอาใจที่พร้อมจะประกาศข่าวดีเรื่องสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า[๑๖] นอกจากนี้แล้ว ให้เอาความเชื่อเป็นโล่ ที่พวกคุณจะใช้กันลูกธนูไฟทั้งหมดที่มารร้ายยิงเข้าใส่ |
|
สุภาษิต ๑๔:๑๖-๒๒ |
[๑๖] คนฉลาดจะระมัดระวังตัวและหลีกเลี่ยงปัญหา แต่คนโง่จะประมาทและมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง[๑๗] คนขี้โมโหทำสิ่งโง่ๆ คนวางแผนชั่วเป็นที่เกลียดชัง[๑๘] คนที่อ่อนต่อโลกได้รับความโง่เป็นมรดก แต่คนฉลาดได้รับมงกุฎแห่งความรู้[๑๙] พวกคนชั่วกราบลงต่อหน้าพวกคนดี พวกคนเลวกราบลงที่ประตูบ้านของคนที่ทำตามใจพระเจ้า[๒๐] คนยากจนนั้น แม้แต่เพื่อนบ้านก็ยังรังเกียจ แต่คนมั่งมีกลับมีคนรักมากมาย[๒๑] คนที่เหยียดหยามเพื่อนบ้านก็เป็นคนบาป แต่คนที่เอื้อเฟื้อคนยากจนก็มีเกียรติจริงๆ[๒๒] คนที่คิดทำชั่วย่อมหลงผิดไป แต่คนที่คิดทำดีจะมีเพื่อนแท้ |
|
โรม ๗:๑๙-๒๕ |
[๑๙] สิ่งดีๆที่ผมอยากทำนั้น ผมไม่ได้ทำ แต่กลับไปทำในสิ่งที่ชั่วร้ายที่ผมไม่อยากทำ[๒๐] เพราะฉะนั้นถ้าผมทำในสิ่งที่ผมไม่อยากทำ ก็แสดงว่าไม่ใช่ผมที่เป็นคนทำ แต่เป็นบาปที่อยู่ในผมต่างหากที่ทำ[๒๑] ผมเลยค้นพบกฎข้อหนึ่งว่า เมื่อไรก็ตามที่ผมอยากจะทำดี ความชั่วจะอยู่ที่นั่นกับผมเสมอ[๒๒] ในใจผมเห็นด้วยกับกฎของพระเจ้า[๒๓] แต่ผมก็เห็นอีกกฎหนึ่งที่ทำงานอยู่ในตัวผม มันต่อสู้กับกฎของพระเจ้าที่จิตใจของผมยอมรับอยู่ แล้วมันก็ทำให้ผมเป็นนักโทษของกฎแห่งบาปที่ทำงานอยู่ในตัวผมนี้[๒๔] ผมนี่น่าสมเพชจริงๆใครจะช่วยชีวิตผมให้พ้นจากร่างกายนี้ที่นำความตายมาให้กับผมได้บ้าง[๒๕] ขอบคุณพระเจ้า ผ่านทางพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ใจของผมนั้นเป็นทาสของกฎของพระเจ้า แต่สันดานของผมนั้นเป็นทาสของกฎแห่งบาป |
|
มัทธิว ๑๓:๓๖-๔๓ |
[๓๖] พระเยซูจากฝูงชนมา แล้วเข้าไปในบ้าน พวกศิษย์เข้ามาบอกพระองค์ว่า “ช่วยอธิบายเรื่องต้นวัชพืชในนานั้นให้หน่อยครับ”[๓๗] พระองค์ตอบว่า “คนที่หว่านเมล็ดพืชพันธุ์ดีคือ บุตรมนุษย์[๓๘] ไร่นาคือโลกนี้ เมล็ดพืชพันธุ์ดีคือคนของอาณาจักรของพระเจ้า ต้นวัชพืชคือคนของมารร้าย[๓๙] ศัตรูที่เข้ามาหว่านวัชพืชคือมารร้าย ฤดูเก็บเกี่ยวคือวันสิ้นยุค และพวกคนงานที่เก็บเกี่ยวก็คือพวกทูตสวรรค์[๔๐] ต้นวัชพืชถูกถอนไปเผาไฟอย่างไร เมื่อวันสิ้นยุคมาถึงก็จะเป็นอย่างนั้น[๔๑] บุตรมนุษย์จะส่งทูตสวรรค์ของพระองค์ออกไปรวบรวมทุกอย่างที่ทำให้คนทำบาปและคนที่ทำชั่ว ให้ออกไปจากอาณาจักรของพระองค์[๔๒] ทูตสวรรค์จะเอาคนพวกนี้ ไปโยนลงในเตาไฟที่ร้อนแรง ที่มีแต่เสียงร้องไห้โหยหวนอย่างเจ็บปวด[๔๓] แล้วคนที่ทำตามใจพระเจ้าก็จะส่องสว่างเหมือนกับดวงอาทิตย์ในอาณาจักรของพระบิดาของพวกเขา ใครมีหู ก็ฟังไว้ให้ดี” |
|
สุภาษิต ๖:๑๒-๑๙ |
[๑๒] คนชอบก่อเรื่อง คือคนชั่วร้ายที่ชอบพูดโกหกไปทั่ว[๑๓] พร้อมทั้งขยิบหูหยิบตา ส่งสัญญาณด้วยมือและเท้า[๑๔] เขาก่อการทะเลาะวิวาทอยู่เสมอ ด้วยจิตใจคดโกงที่วางแผนการชั่วร้าย[๑๕] ดังนั้น ความหายนะจะเกิดขึ้นกับเขาทันทีทันใด และเขาจะถูกทำลายอย่างย่อยยับภายในพริบตา เกินกว่าที่จะเยียวยารักษาได้[๑๖] มีหกสิ่งที่พระยาห์เวห์เกลียดชัง อันที่จริงมีเจ็ดสิ่งที่พระองค์สะอิดสะเอียน[๑๗] คือดวงตาที่หยิ่งยโส ลิ้นที่พูดโกหก มือที่ฆ่าคนบริสุทธิ์[๑๘] จิตใจที่คิดแผนการชั่วร้าย เท้าที่รีบวิ่งไปทำความชั่ว[๑๙] อีกทั้งพยานเท็จที่พูดโกหก และคนที่ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันในหมู่พี่น้อง |
|
ปฐมกาล ๖:๑-๘ |
[๑] เมื่อประชาชนบนแผ่นดินมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆและได้เกิดลูกสาวมากมาย[๒] พวกลูกชายของพระเจ้า เห็นว่าลูกสาวของมนุษย์นั้นสวยงามเหลือเกิน พวกเขาจึงได้แต่งงานกับบรรดาลูกสาวของมนุษย์ที่พวกเขาได้เลือกมา[๓] พระเจ้าจึงพูดว่า “วิญญาณของเราจะไม่อยู่กับพวกมนุษย์ตลอดไป เพราะพวกเขาตายได้ ดังนั้นพวกเขาก็จะมีอายุเพียงหนึ่งร้อยยี่สิบปี”[๔] ในเวลานั้น มีชาวเนฟิล อาศัยอยู่บนแผ่นดินด้วย เมื่อพวกลูกชายของพระเจ้าได้มีเพศสัมพันธ์กับพวกลูกสาวของมนุษย์ ผู้หญิงเหล่านี้ได้คลอดลูกออกมาหลายคน ซึ่งพวกเขาได้เติบโตขึ้นเป็นนักรบที่กล้าหาญ มีชื่อเสียงมากในยุคโบราณนั้น[๕] พระยาห์เวห์เห็นว่ามนุษย์บนโลกชั่วมาก สิ่งที่พวกเขาคิดในใจก็ล้วนชั่วร้ายตลอดเวลา[๖] พระยาห์เวห์รู้สึกเสียใจที่พระองค์สร้างมนุษย์ขึ้นในโลก ใจของพระองค์เศร้าสลด[๗] พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะทำลายล้างมนุษย์ที่เราสร้างขึ้นจากดิน กับพวกสัตว์ใช้งาน สัตว์เลื้อยคลานทุกอย่างบนดิน รวมทั้งนกทุกชนิด เพราะเราเศร้าใจที่ได้สร้างพวกเขาขึ้นมา”[๘] มีแต่โนอาห์ เท่านั้นที่พระเจ้าชอบใจ |
|
๑ ทิโมธี ๖:๒-๑๐ |
[๒] ส่วนทาสที่มีเจ้านายที่เชื่อในพระเจ้า ก็ไม่ควรดูหมิ่นเจ้านายนั้น เพราะเห็นว่าเขาเป็นพี่น้อง แต่ควรจะเคารพนับถือเขามากยิ่งขึ้น เพราะถือว่ากำลังรับใช้คนที่เขารักซึ่งเป็นคนที่เชื่อในพระเจ้าด้วยกัน นี่แหละคือสิ่งที่คุณจะต้องสั่งสอนและขอร้องให้คนทำ[๓] ถ้ามีใครมาสอนเรื่องอื่นที่แตกต่างออกไปจากนี้ หรือสอนขัดกับคำสอนที่เป็นประโยชน์ของพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเรา หรือสอนเพี้ยนไปจากคำสอนตามหลักศาสนาที่แท้จริง[๔] เขาก็เป็นคนที่หยิ่งยโสและไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วยังเป็นโรคชอบเถียง และชอบขัดแย้งในความหมายของคำต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดการอิจฉาริษยา การแก่งแย่งชิงดี การใส่ร้ายป้ายสี การระแวงสงสัยกัน[๕] และการกระทบกระทั่งกันอย่างไม่สิ้นสุด คนพวกนี้มีจิตใจที่ชั่วร้ายและความจริงถูกปล้นไปจากเขาเสียแล้ว และคนพวกนี้ยังคิดแสวงหาความร่ำรวยจากการเอาศาสนาบังหน้าอีกด้วย[๖] ศาสนาอันแท้จริงจะทำให้เราร่ำรวยมหาศาลอย่างแน่นอน ถ้าเรารู้จักพอใจในสิ่งที่เรามี[๗] เราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกนี้ เราก็เอาอะไรออกไปไม่ได้เหมือนกัน[๘] มีอาหารกินกับเสื้อผ้าใส่ แค่นี้เราก็น่าจะพอใจได้แล้ว[๙] ส่วนคนที่อยากจะร่ำรวย ก็ตกลงไปในการทดลองและกับดัก ความอยากได้ที่โง่ๆและเต็มไปด้วยอันตรายทั้งหลาย ทำให้เขาจมดิ่งลงสู่ความพินาศและสูญสิ้นไป[๑๐] เพราะการรักเงินทอง เป็นรากเหง้าของความชั่วทุกชนิด ความอยากรวยนี้ทำให้บางคนทิ้งความเชื่อไป และทั่วทั้งร่างกายก็ถูกทิ่มแทงอย่างเจ็บปวด |
|
สดุดี ๓๔:๑๓-๒๑ |
[๑๓] ระวังอย่าให้ลิ้นพูดสิ่งชั่วร้าย ระวังอย่าให้ริมฝีปากพูดโกหก[๑๔] หลีกเลี่ยงความชั่ว และทำแต่ความดี ให้แสวงหาสันติสุขและไล่ตามมันไปติดๆ[๑๕] สายตาของพระยาห์เวห์เฝ้าดูแลคนที่ทำตามใจพระเจ้า และหูของพระองค์ก็เปิดฟังเสียงร้องเรียกให้ช่วยของพวกเขา[๑๖] แต่ใบหน้าของพระยาห์เวห์ต่อต้านคนเหล่านั้นที่ทำชั่ว เพื่อคนในโลกนี้จะได้ลืมพวกคนชั่วเหล่านั้นตลอดไป[๑๗] เมื่อคนที่ทำตามใจพระเจ้าร้องขอความช่วยเหลือ พระองค์รับฟัง และช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากความทุกข์ยากทั้งหมดของเขา[๑๘] พระยาห์เวห์อยู่ใกล้ และพร้อมที่จะช่วยคนที่หมดกำลังใจ และพระองค์ช่วยกู้คนที่สิ้นหวัง[๑๙] คนที่ทำตามใจพระเจ้า อาจจะพบกับความทุกข์ยากมากมาย แต่พระยาห์เวห์จะช่วยให้เขารอดพ้นไปได้หมด[๒๐] พระองค์ปกป้องกระดูกทุกชิ้นของเขา ไม่ให้แตกหักแม้แต่ชิ้นเดียว[๒๑] แต่ความชั่วช้าของคนชั่วก็จะฆ่าตัวพวกเขาเอง และพวกที่เกลียดคนที่ทำตามใจพระเจ้าจะถูกลงโทษ |
|
สดุดี ๕๒:๑-๙ |
[๑] ถึงหัวหน้านักร้อง บทกวีแห่งมัสคิล ของกษัตริย์ดาวิด จากตอนที่โดเอก คนเอโดมไปบอกกับกษัตริย์ซาอูลว่า “ดาวิดได้เข้าไปในบ้านของอาคีเมเลค” เฮ้ย เจ้านักเลงโต ทำไมเจ้าถึงได้โอ้อวดถึงเรื่องชั่วๆที่เจ้าทำ ในขณะที่พระเจ้าแสดงความรักมั่นคงของพระองค์ตลอดเวลา[๒] ไอ้จอมลวงโลก เจ้าชอบวางแผนทำลายล้างผู้อื่น ลิ้นของเจ้าอันตรายเหมือนมีดโกนที่คมกริบ[๓] เจ้ารักความชั่วมากกว่าความดี และพูดโกหกมากกว่าพูดความจริง เซลาห์[๔] ตัวเจ้าและลิ้นอันปลิ้นปล้อนของเจ้า รักที่จะทำร้ายผู้อื่น[๕] ดังนั้นพระเจ้าจะรื้อเจ้าลงตลอดกาล พระองค์จะคว้าและกระชากตัวเจ้าออกไปจากเต็นท์ของเจ้า พระองค์จะถอนรากถอนโคนเจ้าให้พ้นจากแผ่นดินของคนเป็น เซลาห์[๖] คนดีจะเห็นสิ่งนี้และตลึงงัน และจะหัวเราะเยาะคนชั่ว แล้วพูดว่า[๗] “ดูคนที่แข็งแรงนั่นสิ เขาไม่ได้เอาพระเจ้าเป็นที่ลี้ภัย แต่กลับพึ่งความร่ำรวยของตน เขาพยายามทำให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น ด้วยการทำลายล้างผู้อื่น”[๘] แต่ข้าพเจ้าเปรียบเหมือนต้นมะกอกสีเขียวที่เจริญเติบโตอยู่ในลานในวิหารของพระเจ้า ข้าพเจ้าจะพึ่งพิงความรักมั่นคงของพระเจ้าตลอดไป[๙] ต่อหน้าผู้ที่จงรักภักดีต่อพระองค์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ตลอดกาล สำหรับสิ่งที่พระองค์ทำ และข้าพเจ้าจะฝากความหวังของข้าพเจ้า ไว้ในชื่อของพระองค์ เพราะพระองค์นั้นดี |
|
ปัญญาจารย์ ๙:๓-๑๒ |
[๓] ในบรรดาสิ่งต่างๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ นี่ก็เป็นเรื่องเลวร้ายอีกเรื่อง คือการที่ทุกคนจะต้องประสบกับชะตากรรมเดียวกัน แถมหัวใจของมนุษย์ยังเต็มไปด้วยความชั่วร้าย จิตใจเต็มไปด้วยความบ้าบอตอนยังมีชีวิตอยู่ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ตายกัน[๔] จะมีใครเลือกชะตากรรมของตัวเองได้หรือ แต่สำหรับคนเป็นนั้น เขาสามารถมั่นใจได้เรื่องหนึ่ง อย่างที่คนพูดกันว่า “หมาเป็นย่อมดีกว่าสิงโตที่ตายแล้ว”[๕] เพราะคนเป็นมั่นใจได้แน่ว่าเขาจะต้องตายแน่ๆ แต่คนตายไม่รู้อะไรเลย และคนตายก็จะไม่ได้รับรางวัลอะไรอีกแล้ว เพราะผู้คนต่างก็พากันลืมพวกเขาไปหมด[๖] ความรัก ความเกลียดชัง และความอิจฉาของพวกเขาหายวับไปหมด และพวกเขาก็ไม่มีส่วนในสิ่งทั้งหลายซึ่งเกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้อีกแล้ว[๗] ไปสิ ไปกินขนมปังของคุณอย่างมีความสุขและดื่มเหล้าองุ่นของคุณด้วยความชื่นชมยินดี เพราะพระเจ้าเห็นชอบกับเรื่องพวกนี้[๘] ใส่เสื้อผ้าเหมือนเตรียมพร้อมจะไปงานรื่นเริงเสมอและใส่น้ำหอมด้วย[๙] ให้มีความสุขร่วมกับภรรยาที่คุณรักตลอดวันเวลาอันไม่เที่ยงของชีวิตนี้ ที่คุณได้รับมาภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ เพราะนั่นคือส่วนแบ่งของชีวิตคุณ สำหรับงานหนักที่คุณตรากตรำทำมาภายใต้ดวงอาทิตย์นี้[๑๐] สิ่งที่มือคุณทำได้ก็ให้ทำสุดแรงเกิดไปเลย เพราะในแดนคนตายที่จะต้องไปนั้น จะไม่มีการลงมือทำอะไรเลย ไม่มีแม้แต่ความคิด ความรู้ หรือสติปัญญา[๑๑] เราได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ด้วย ที่ว่า คนที่วิ่งเร็วที่สุด ก็ไม่ใช่จะเป็นผู้ชนะเสมอไป ฝ่ายที่มีกำลังเหนือกว่า ก็ไม่ใช่ว่าจะชนะสงครามเสมอไป หรือคนที่มีสติปัญญา ก็ไม่ใช่ว่าจะมีอาหารกินเสมอไป หรือคนที่มีความเข้าใจ ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องร่ำรวยเสมอไป หรือคนที่มีความรู้มาก ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องได้รับการยกย่องเสมอไป เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้กับทุกคน[๑๒] ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะตายเมื่อไหร่ เหมือนกับปลาที่ติดในร่างแหอันโหดร้าย เหมือนพวกนกที่ติดในกับดัก คนเราก็เหมือนกัน จะตกเข้าไปในกับดักเมื่อยามซวยมาถึงอย่างไม่ทันตั้งตัว |
|
สดุดี ๑๐:๒-๑๒ |
[๒] พวกคนชั่วไล่ล่าคนยากไร้อย่างหยิ่งผยอง ขอให้คนชั่วเหล่านั้นติดกับในแผนการชั่วร้ายที่พวกเขาก่อขึ้นด้วยเถิด[๓] พวกคนชั่วโอ้อวดกิเลสตัณหาของตัวเขาเอง และคนโลภที่ขี้โกงจะสาปแช่งและเหยียดหยามพระเจ้า[๔] คนชั่วไม่แสวงหาพระเจ้า เพราะพวกเขาหยิ่งยโส พระเจ้าไม่ได้อยู่ในความคิดของพวกเขาเลย[๕] คนชั่วประสบความสำเร็จในทุกอย่างที่ทำ การตัดสินของพระองค์ สูงกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้ พวกเขาเย้ยหยันศัตรูของพวกเขา[๖] คนชั่วพวกนั้นคิดอยู่ในใจว่า พวกเขาจะไม่มีวันล้มเหลว พวกเขาคิดว่า จะไม่มีสิ่งเลวร้ายใดๆเกิดขึ้นกับพวกเขา[๗] ปากของคนชั่วเต็มไปด้วยคำสาปแช่ง คำโกหก และคำขู่ ภายใต้ลิ้นของเขามีความมุ่งร้าย และแผนการชั่วอยู่[๘] คนชั่วเหล่านี้จะดักซุ่มอยู่ตามหมู่บ้านที่ไม่มีกำแพง แอบซุ่มอยู่ในที่ซ่อนเพื่อฆ่าคนบริสุทธิ์ พวกเขาซุ่มคอยคนที่โชคร้ายเดินผ่านมา[๙] พวกเขาหมอบคอย เหมือนกับสิงโตในพุ่มหญ้าที่พร้อมจะตะครุบเหยื่อ พวกเขาเฝ้าคอยจับตัวคนยากไร้ ที่มาติดกับของพวกเขาแล้วลากตัวไป[๑๐] พวกคนชั่วนั้นแข็งแรงมาก มันตะครุบเหยื่อที่ไม่มีทางสู้ บดขยี้จนบี้แบนติดพื้น[๑๑] แล้วคนชั่วคิดในใจว่า “พระเจ้าเพิกเฉย พระองค์หันหน้าไปทางอื่น และไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น”[๑๒] พระยาห์เวห์ ลุกขึ้นเถอะ พระเจ้า ยกมือขึ้นมาทำโทษคนชั่วเหล่านี้ด้วยเถิด ขออย่าได้เพิกเฉยต่อผู้ยากไร้เลย |
|
สุภาษิต ๑๖:๑๗-๒๗ |
[๑๗] ทางของคนเที่ยงตรงนั้นหลีกเลี่ยงอันตราย คนที่ระวังหนทางของตน ย่อมรักษาชีวิตของตนไว้[๑๘] ความเย่อหยิ่งนำไปสู่ความหายนะ ความจองหองนำไปสู่การล้มลง[๑๙] เป็นคนถ่อมตัวและอยู่ในหมู่คนจน ก็ยังดีกว่าแบ่งของที่ปล้นมาได้กับคนเย่อหยิ่ง[๒๐] คนที่สนใจฟังคำแนะนำย่อมพบกับความรุ่งเรือง คนที่วางใจในพระยาห์เวห์ มีเกียรติจริงๆ[๒๑] คนฉลาดได้ชื่อว่าเป็นคนหัวไว คำพูดที่น่าฟังทำให้คนเรียนรู้มากขึ้น[๒๒] การรู้จักคิดเป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิตแก่เจ้าของมัน แต่โทษของคนโง่คือการเป็นคนโง่นั่นเอง[๒๓] คนฉลาดคิดก่อนพูด และการพูดของเขาทำให้คนเรียนรู้มากขึ้น[๒๔] คำพูดที่ไพเราะเป็นเหมือนรวงผึ้ง ที่หอมหวานแก่ลิ้นและเยียวยาแก่ร่างกาย[๒๕] มีทางหนึ่งซึ่งดูเหมือนถูกต้อง แต่สุดท้ายกลับนำไปสู่ความตาย[๒๖] ความหิวของคนงานช่วยเขา คือกระตุ้นให้เขาทำงาน[๒๗] คนไร้ค่าวางแผนชั่ว คำพูดของเขาเป็นไฟที่เผาผลาญ |
|
สดุดี ๓๖:๑-๑๒ |
[๑] ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงของดาวิดผู้รับใช้พระยาห์เวห์ การกบฏพูดกับคนชั่วลึกเข้าไปในจิตใจของเขา เขาไม่เห็นจะต้องกลัวพระเจ้า[๒] เขาหลอกลวงตัวเอง เขาจึงมองไม่เห็นความผิดบาปของเขาและไม่เกลียดบาปนั้นด้วย[๓] คำพูดในปากเขานั้นเป็นความชั่วและการหลอกลวง เขาไม่ได้ทำตัวเฉลียวฉลาดหรือทำดีอะไรเลย[๔] เขานอนคิดแผนชั่วอยู่บนเตียง เขายืนกรานที่จะเดินในทางที่ชั่ว เขาไม่ปฏิเสธความชั่วใดๆเลย[๕] ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความรักมั่นคงของพระองค์สูงเท่าฟ้าสวรรค์ ความสัตย์ซื่อที่พระองค์มีต่อคนของพระองค์สูงเสียดฟ้า[๖] คุณความดีของพระองค์เหมือนยอดเขาที่สูงลิบ ความยุติธรรมของพระองค์เหมือนก้นสมุทรที่ลึกล้ำ พระยาห์เวห์ปกป้องดูแลทั้งคนและสัตว์[๗] ข้าแต่พระเจ้า ไม่มีสิ่งใดมีค่าเทียบได้กับความรักมั่นคงของพระองค์ มนุษย์ต่างลี้ภัยภายใต้ร่มเงาปีกของพระองค์[๘] พระองค์เลี้ยงดูพวกเราอย่างอิ่มหนำสำราญ ด้วยอาหารที่ดีเลิศจากบ้านของพระองค์ อาหารที่พระองค์ให้อย่างเหลือเฟือ พระองค์ให้พวกเราดื่มน้ำจากแม่น้ำแห่งความสุขของพระองค์[๙] เพราะตาน้ำแห่งชีวิตก็ไหลออกมาจากพระองค์นั้น และแสงสว่างของพระองค์ให้แสงสว่างกับพวกเรา[๑๐] ดังนั้น โปรดแสดงความรักมั่นคงให้กับคนเหล่านั้นที่รู้จักพระองค์ และโปรดแสดงคุณความดีของพระองค์ให้กับคนเหล่านั้นที่มีจิตใจซื่อตรง[๑๑] อย่าให้เท้าของคนหยิ่งยโสเหยียบย่ำข้าพเจ้า อย่าให้มือของคนชั่วขับไล่ข้าพเจ้าไป[๑๒] ดูนั่นสิ พวกคนชั่วล้มลงแล้ว พวกเขาถูกเหวี่ยงลงไปแล้วและลุกขึ้นมาไม่ได้อีก |
|
สุภาษิต ๑:๘-๑๙ |
[๘] ลูกเอ๋ย ให้เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อเจ้า และอย่าได้ละทิ้งคำสอนของแม่เจ้าด้วย[๙] เพราะคำสั่งสอนของท่านทั้งสองนั้น มีเสน่ห์ดึงดูด มันจะเป็นมงกุฎดอกไม้สำหรับหัวเจ้า และเป็นสร้อยสำหรับคอเจ้า[๑๐] ลูกเอ๋ย ถ้าพวกคนบาปพยายามล่อลวงเจ้าให้ไปกับพวกมัน ก็อย่าได้ไปเลย[๑๑] ถ้าพวกมันพูดว่า “มากับพวกเราสิ ให้เราไปดักซุ่มฆ่าคนกันเถอะ ไปดักซุ่มฆ่าคนบริสุทธิ์เล่นๆกันเถอะ[๑๒] ให้พวกเราไปกลืนกินคนพวกนั้นทั้งเป็นเหมือนแดนคนตายกลืนกินคนเป็น ถึงเขาจะแข็งแรงดี เราก็จะกลืนกินเขาเหมือนคนที่กำลังใกล้ตาย[๑๓] พวกเราจะได้ของมีค่ามากมายหลายอย่าง บ้านของพวกเราจะเต็มไปด้วยข้าวของที่ปล้นมาได้[๑๔] มาร่วมกับเราสิ เราจะแบ่งของที่ปล้นมาได้ให้เท่าๆกัน”[๑๕] ลูกเอ๋ย อย่าได้ไปเดินตามทางของพวกมัน ยั้งเท้าของเจ้าจากทางเหล่านั้นของพวกมัน[๑๖] เพราะเท้าของพวกมันวิ่งไปทำชั่ว พวกมันรีบเร่งไปทำให้เกิดการนองเลือด[๑๗] มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะขึงตาข่าย ในขณะที่นกกำลังจ้องมองอยู่[๑๘] แต่คนชั่วพวกนี้ไม่รู้ตัวว่ากำลังวางกับดักตัวเอง พวกมันดักรอปลิดชีวิตตัวเอง[๑๙] นี่แหละคือชะตากรรมของคนที่หาทรัพย์สมบัติมาได้จากการทารุณโหดร้าย ทรัพย์สมบัตินั้นก็จะคร่าชีวิตของพวกมันไป |
|
อิสยาห์ ๕๙:๔-๑๕ |
[๔] ไม่มีใครเอาเรื่องจริงมาขึ้นศาล และไม่มีใครเลยพูดความจริงในศาล ทุกคนพึ่งคำพูดที่ไม่มีหลักฐานและพูดโกหก พวกเขาตั้งท้องความชั่วร้ายและคลอดความผิดบาปออกมา[๕] พวกเขาฟักแผนร้ายเหมือนฟักไข่งู และทอแผนชั่วอย่างทอใยแมงมุม ใครที่กินไข่เหล่านั้นของมันก็จะตาย แล้วถ้าไข่แตกก็จะมีงูพิษออกมา[๖] ใยแมงมุมของพวกเขาจะเอามาใช้เป็นเสื้อผ้าก็ไม่ได้ พวกเขาไม่สามารถเอาสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาคลุมตัวได้ งานต่างๆของพวกเขาเป็นงานชั่ว มือของพวกเขาเต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณ[๗] เท้าของพวกเขาวิ่งไปทำชั่ว พวกเขารีบไปทำให้เลือดของคนบริสุทธิ์หลั่งไหล ความคิดต่างๆของพวกเขาเป็นความคิดชั่วร้าย พวกเขาไปถึงที่ไหน ความพินาศและการทำลายก็เกิดขึ้นที่นั่น[๘] พวกเขาไม่รู้จักทางที่นำไปสู่สันติสุข ไม่มีความยุติธรรมในทางของพวกเขา พวกเขาได้ทำทางของพวกเขาให้คดเคี้ยวไป ทุกคนที่เดินบนเส้นทางนั้นจะไม่ได้เจอกับสันติสุข[๙] อย่างนี้ การตัดสินอย่างยุติธรรมของพระเจ้าจึงอยู่ห่างไกลจากพวกเรา ความรอดของพระองค์มาไม่ถึงพวกเรา พวกเรารอคอยแสงสว่าง แต่มีแต่ความมืด พวกเรารอคอยแสงสว่างจ้า แต่พวกเราต้องเดินอยู่ในความมืดครึ้ม[๑๐] พวกเราเดินคลำไปตามกำแพงเหมือนคนตาบอด เราคลำหาเหมือนคนไม่มีลูกตา เราสะดุดล้มในตอนเที่ยงอย่างกับเป็นตอนกลางคืน ถึงคนอื่นแข็งแรง แต่พวกเราเป็นเหมือนศพ[๑๑] เราทุกคนบ่นเหมือนหมีร้องคราง และร้องคร่ำครวญเหมือนนกเขาร้อง พวกเรารอคอยการตัดสินอันยุติธรรมของพระองค์ แต่มันไม่มาสักที พวกเรารอคอยความรอด แต่มันห่างไกลจากพวกเรา[๑๒] เพราะการกบฏต่างๆที่เราทำต่อพระองค์นั้นมีมากมาย และความบาปต่างๆของพวกเราเป็นพยานฟ้องพวกเราเอง เพราะพวกเรารู้อยู่แก่ใจถึงการกบฏต่างๆของพวกเรา พวกเรารู้จักความผิดบาปของพวกเราเอง[๑๓] พวกเราได้กบฏต่อพระยาห์เวห์และไม่สัตย์ซื่อต่อพระองค์ พวกเราได้หันเหไปจากพระเจ้าของพวกเรา พวกเราได้พูดถึงการกดขี่และการกบฏ ได้วางแผนด้วยคำพูดหลอกลวงและพูดสิ่งเหล่านั้นออกมาจากใจ[๑๔] ความยุติธรรมก็เลยถูกไล่กลับไป ความถูกต้องก็อยู่ห่างไกล ความจริงสะดุดล้มในลานเมือง ความสัตย์ซื่อเข้ามาในเมืองไม่ได้[๑๕] ความจริงไม่อยู่แล้ว แล้วถ้าใครไม่ยอมทำชั่วก็จะถูกโจมตี พระยาห์เวห์เห็นสิ่งเหล่านี้แล้วไม่พอใจมาก เพราะความยุติธรรมไม่มีเลย |
|
เยเรมีย์ ๑๘:๘-๒๐ |
[๘] แต่ถ้าชนชาติที่เราพูดต่อว่านี้ หันจากสิ่งเลวที่กำลังทำอยู่ เราก็จะเปลี่ยนใจเกี่ยวกับเรื่องเลวร้ายที่เราวางแผนจะให้เกิดขึ้นกับชนชาตินั้น[๙] แต่ในขณะเดียวกัน เราอาจจะพูดว่าเราจะทำให้ชนชาติหนึ่งหรืออาณาจักรหนึ่งเจริญรุ่งเรือง[๑๐] แต่ถ้าตอนนั้นเราเห็นว่าชนชาตินั้นทำสิ่งที่เลวร้าย และไม่เชื่อฟังเรา เราก็จะเปลี่ยนใจเกี่ยวกับเรื่องดีๆที่เราบอกว่าเราจะทำให้กับชนชาตินั้น[๑๑] ตอนนี้ให้บอกกับคนยูดาห์และคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด เรากำลังเตรียมเรื่องเลวร้ายให้เกิดขึ้นกับเจ้า และกำลังวางแผนต่อต้านเจ้า หันกลับจากวิถีชีวิตเลวๆของพวกเจ้าเสีย ทำวิถีชีวิตและการกระทำต่างๆของเจ้าให้ดี’[๑๒] แต่พวกเขาจะพูดว่า ‘ทำอย่างนั้นไม่มีประโยชน์หรอก เราจะทำตามแผนของเรา และเราแต่ละคนก็จะทำตามจิตใจที่ดื้อดึงและชั่วช้าของตัวเอง’”[๑๓] ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดว่า “ไปถามชนชาติอื่นๆดูว่า มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับคนแบบนี้บ้างไหม อิสราเอลหญิงสาวที่บริสุทธิ์นั้น ได้ทำในสิ่งที่น่าขยะแขยงมาก[๑๔] หิมะที่เลบานอนเคยหายไปจากยอดเขาไหม ลำธารอันหนาวเย็นของคนต่างชาติเคยเหือดแห้งไปบ้างไหม[๑๕] แต่คนของเรากลับลืมเราเสียได้ พวกเขาไปเผาเครื่องหอมให้กับสิ่งที่ไร้สาระ ซึ่งทำให้พวกเขาสะดุดและหลงไปจากหนทางเก่าแก่ และไปเดินตามทางเล็กๆแทนที่จะเป็นทางหลวง[๑๖] แผ่นดินของพวกเขาจะกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่า กลายเป็นสิ่งที่น่าหัวเราะเยาะตลอดไป ใครที่เดินผ่านไปก็จะต้องตกใจกลัว และส่ายหัวด้วยความสลดหดหู่[๑๗] เราจะเป็นเหมือนลมจากตะวันออก ที่จะพัดให้พวกมันกระจัดกระจายไปต่อหน้าศัตรู เราจะทำให้พวกเขาเห็นแต่หลังเราแทนหน้าเรา ในวันที่พวกเขาเจอกับความทุกข์ยากลำบาก”[๑๘] แล้วพวกเขาพูดว่า “มานี่ พวกเรามาวางแผนทำร้ายเยเรมียาห์กันเถอะ เพราะยังไงซะ พวกนักบวชก็จะยังสอนกฎของพระเจ้าอยู่ดี และคนฉลาดก็ยังให้คำแนะนำอยู่ และผู้พูดแทนพระเจ้าก็ยังพูดแทนพระยาห์เวห์อยู่ มาเถอะ มาใส่ร้ายไอ้หมอนั่นกัน อย่าไปสนใจเรื่องที่มันพูดเลย”[๑๙] ข้าแต่พระยาห์เวห์ ได้โปรดฟังข้าพเจ้าด้วยเถิด โปรดฟังคดีของข้าพเจ้าด้วย[๒๐] คนเราควรจะได้รับผลตอบแทนเลวร้ายแทนการดีที่เขาทำไปหรือ แต่พวกฝ่ายตรงข้ามของข้าพเจ้าได้ขุดหลุมพรางไว้ดักข้าพเจ้า ขออย่าลืมว่า ข้าพเจ้าได้ยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ เพื่อยกเรื่องดีๆของพวกเขาให้พระองค์ฟัง เพื่อให้พระองค์หันความโกรธแค้นของพระองค์ไปจากพวกเขา |
|
สุภาษิต ๑๑:๖-๒๗ |
[๖] ความดีของคนที่ซื่อตรงช่วยเขาให้รอด แต่คนทรยศจะติดกับดักในกิเลสตัณหาของตัวเอง[๗] เมื่อคนชั่วตาย ความหวังของเขาก็สูญสิ้นไป และความหวังที่จะได้ร่ำรวยก็จบสิ้นไปด้วย[๘] คนที่ทำตามใจพระเจ้าจะได้รับการช่วยเหลือให้พ้นออกมาจากความทุกข์ยาก แต่คนชั่วจะได้รับความทุกข์ยากนั้นแทน[๙] คนหลอกลวงจะใช้คำพูดทำลายเพื่อนบ้าน แต่พวกที่ทำตามใจพระเจ้าจะรอดพ้นไปได้ด้วยความรู้ที่พวกเขามี[๑๐] เมื่อคนที่ทำตามใจพระเจ้ารุ่งเรือง ทั้งเมืองก็ชื่นชมยินดี และเมื่อคนชั่วพินาศ เสียงโห่ร้องยินดีก็ดังขึ้น[๑๑] คำอวยพรของคนสัตย์ซื่อทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง แต่ปากของคนชั่วทำลายบ้านเมืองเสีย[๑๒] คนที่พูดเหยียดหยามเพื่อนบ้านเป็นคนที่ไม่มีสมองคิด แต่คนที่มีความเข้าใจจะนิ่งเงียบ[๑๓] คนที่ชอบนินทา เก็บความลับไม่อยู่ แต่คนที่ไว้วางใจได้ รักษาความลับได้[๑๔] ถ้ากองทัพขาดผู้นำที่ฉลาด มันก็จะพ่ายแพ้ แต่ถ้ามีที่ปรึกษามากมายก็จะชนะ[๑๕] คนที่ค้ำประกันให้กับคนแปลกหน้า จะต้องเดือดร้อนแน่ๆ แต่คนที่หลีกเลี่ยงการค้ำประกันได้ ย่อมปลอดภัย[๑๖] หญิงสวยได้รับการเชิดชู ชายทารุณได้ความร่ำรวย[๑๗] คนที่ใจดีย่อมส่งผลดีให้กับตัวเอง แต่คนที่โหดร้ายย่อมทำให้ตัวเองเดือดร้อน[๑๘] คนชั่วช้านั้นจะได้กำไรที่ลวงตา แต่คนที่หว่านเมล็ดแห่งความดี ย่อมเก็บเกี่ยวรางวัลที่แน่นอน[๑๙] คนที่ตั้งมั่นอยู่ในทางที่พระเจ้าชอบใจจะมีชีวิตยืนยาว แต่คนที่เดินตามทางชั่วร้ายจะอายุสั้น[๒๐] พระยาห์เวห์สะอิดสะเอียนคนที่มีจิตใจคดโกง แต่พระองค์จะยอมรับคนที่ใช้ชีวิตอย่างไร้ที่ติ[๒๑] ขอให้มั่นใจได้ว่า คนชั่วจะไม่มีวันหนีพ้นจากการถูกลงโทษไปได้ แต่คนที่ทำตามใจพระเจ้าพร้อมทั้งลูกหลานของเขาจะรอดพ้นโทษ[๒๒] ผู้หญิงสวยที่ไม่ฉลาด ก็เปรียบเหมือนแหวนทองคำที่สวมอยู่ที่จมูกหมู[๒๓] สิ่งที่คนที่ทำตามใจพระเจ้าอยากได้นั้นจะจบลงด้วยดีอย่างแน่นอน แต่ความหวังของคนชั่วจะลงเอยด้วยการถูกลงโทษ[๒๔] คนหนึ่งให้อย่างใจกว้าง เขาก็ยิ่งรวยขึ้น อีกคนหนึ่งไม่ยอมให้ สุดท้ายเขาก็ยากจน[๒๕] คนที่มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จะเจริญรุ่งเรือง และคนที่ช่วยเหลือคนอื่น เขาเองก็จะได้รับความช่วยเหลือ[๒๖] คนที่กักตุนข้าว จะถูกคนสาปแช่ง แต่คนที่ขายข้าวย่อมได้รับคำอวยพร[๒๗] คนที่เสาะหาสิ่งที่ดี ก็จะเป็นที่ชื่นชอบ แต่คนที่ไล่ตามสิ่งไม่ดี สิ่งไม่ดีก็จะเกิดขึ้นกับเขา |
|
โยบ ๑๕:๑-๓๕ |
[๑] แล้วเอลีฟัสแห่งเทมานก็กล่าวตอบว่า[๒] “คนมีปัญญา เขาจะพ่นคำพูดใส่คนให้หงายหลังตึงไปอย่างนั้นหรือ คนมีปัญญา เขาจะอัดอั้นลมตะวันออกไว้ในท้องอย่างนั้นหรือ[๓] เขาจะสู้คดีด้วยคำพูดที่ไร้ประโยชน์ และไม่เป็นผลดีกับใครเลยอย่างนั้นหรือ[๔] ท่านกำลังทิ้งความยำเกรงพระเจ้า และกำลังลดความสำคัญของการมีสมาธิจดจ่ออยู่ต่อหน้าพระเจ้า[๕] เพราะความผิดของท่านชักนำให้ปากของท่านพูดอย่างนี้ และท่านเลือกใช้ลิ้นที่เคลือบแฝงไปด้วยเล่ห์[๖] ปากของท่านนั่นแหละที่กล่าวโทษตัวท่าน ไม่ใช่ข้า ริมฝีปากของท่านต่างหากที่ปรักปรำท่าน[๗] ท่านเป็นมนุษย์คนแรกที่เกิดมาหรือยังไง ท่านเกิดก่อนพวกภูเขา หรือยังไง[๘] ท่านได้ร่วมฟังอยู่กับสภาที่ปรึกษาของพระเจ้า หรือยังไง มีแต่ท่านเท่านั้นหรือที่มีสติปัญญา[๙] มีอะไรบ้างที่ท่านรู้ แต่พวกเราไม่รู้ มีอะไรบ้างที่ท่านเข้าใจ แต่พวกเราไม่เข้าใจ[๑๐] ในพวกเรา มีคนหนึ่งที่ผมหงอกและสูงอายุ แก่ยิ่งกว่าพ่อท่านเสียอีก[๑๑] ท่านเห็นว่าคำพูดของพระเจ้าที่ให้กำลังใจท่านนั้น เป็นเรื่องขี้ผงสำหรับท่านหรือ คือคำพูดที่เรากำลังพูดกับท่านอย่างสุภาพนี้[๑๒] ทำไมท่านถึงปล่อยให้ความคิดนำท่านออกนอกลู่นอกทาง ทำไมตาของท่านถึงมองไม่เห็นความจริง[๑๓] จนทำให้ท่านเกรี้ยวกราดต่อพระเจ้า และปล่อยคำพูดอย่างนี้ออกมาจากปากท่าน[๑๔] มนุษย์เป็นใครกัน เขาจะสะอาดบริสุทธิ์ได้หรือ มนุษย์ที่เกิดจากผู้หญิงนี่นะ จะดีรอบคอบได้หรือ[๑๕] ดูเถิด ขนาดทูตสวรรค์ที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พระองค์ยังไม่ไว้วางใจเลย ขนาดดวงสว่างบนท้องฟ้า พระเจ้าก็ยังเห็นว่ายังไม่สะอาดบริสุทธิ์เลย[๑๖] แล้วจะนับประสาอะไรกับมนุษย์ที่น่าขยะแขยงและเสื่อมทราม ที่ดื่มความชั่วร้ายเข้าไปเหมือนน้ำ[๑๗] ฟังข้าให้ดี ข้าจะอธิบายให้ท่านฟังว่าอะไรเป็นอะไร ข้าจะเล่าให้ฟังถึงสิ่งทั้งหลายที่ข้าเห็นมา[๑๘] เป็นเรื่องที่ผู้มีปัญญาได้เล่าให้ฟัง ที่บรรพบุรุษของเขาไม่ได้ปิดบังไว้[๑๙] พระเจ้าได้มอบแผ่นดินให้กับบรรพบุรุษพวกนั้นเท่านั้น ไม่มีคนต่างชาติผ่านเข้าไปท่ามกลางพวกเขาเลย[๒๐] คนชั่วเป็นทุกข์กังวลยิ่งนักตลอดวันเวลาของเขา ส่วนคนที่กดขี่ข่มเหงนั้นก็ทุกข์กังวลตลอดปีตลอดชาติ[๒๑] ในหูเขามีแต่เสียงอันน่าสะพรึงกลัวก้องอยู่ และเมื่อเขารุ่งเรืองก็กังวลว่าจะมีโจรมาปล้นเขา[๒๒] เขาไม่เชื่อว่าเขาจะหนีรอดจากความมืดมิดนั้น และเขาเชื่อว่ามีดาบกำลังคอยฆ่าเขาอยู่[๒๓] เขาเชื่อว่าเขาจะถูกโยนทิ้งออกไปเป็นอาหารให้ฝูงนกแร้ง เขารู้ว่าเขาจะเจอกับความหายนะแน่[๒๔] ความทุกข์ใจและกลัดกลุ้มใจทำให้เขาหวาดหวั่น มันถาโถมเข้าหาเขาราวกับกษัตริย์ที่เตรียมพร้อมประจัญบาน[๒๕] เพราะเขาชูกำปั้นใส่พระเจ้า และโจมตีพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์อย่างนักรบ[๒๖] เพราะเขาก้มหน้าก้มตาวิ่งเข้าใส่พระองค์ ด้วยโล่ที่แข็งแกร่งหนาทึบ[๒๗] ถึงแม้ว่าเขาจะมีกินจนอ้วนฉุ และประสบความสำเร็จในชีวิต[๒๘] แต่เขาจะได้อาศัยอยู่ในเมืองร้าง ในบ้านที่ใกล้จะพังเป็นกองซากปรักหักพังอยู่แล้ว[๒๙] ดังนั้น คนนั้นจะไม่ร่ำรวยอีกต่อไป ทรัพย์สมบัติของเขาจะไม่ยั่งยืน ทรัพย์สินของเขาจะไม่งอกเงยไปทั่วแผ่นดิน[๓๐] เขาจะหนีความมืดมิดไปไม่พ้น เปลวไฟจะทำให้ต้นอ่อนของเขาเหี่ยวแห้ง ลมหายใจจากปากของพระเจ้าจะพัดพาตัวเขาไป[๓๑] อย่าให้เขาหลงเชื่อในสิ่งที่ไร้ค่าซึ่งจะทำให้เขาหลอกตัวเอง เพราะเขาจะได้สิ่งไร้ค่าเป็นผลตอบแทน[๓๒] เขาจะได้รับกรรมอย่างเต็มที่และตายก่อนเวลาอันควร แล้วกิ่งก้านของเขาจะไม่เขียวอีกแล้ว[๓๓] เขาจะเป็นเหมือนเถาองุ่นที่ผลร่วงก่อนสุก เป็นเหมือนต้นมะกอกที่ช่อดอกร่วงหล่นไป[๓๔] เพราะกลุ่มคนที่ไม่นับถือพระเจ้าจะเป็นหมัน และไฟก็จะเผาผลาญเต็นท์ของคนรับสินบน[๓๕] พวกเขาตั้งท้องปัญหา และคลอดความชั่วร้ายออกมา ครรภ์ของเขาให้กำเนิดความหลอกลวง” |
|
Thai Bible (ERV) 2001 |
Copyright © 2001 by Bible League International |