๑ ทิโมธี 6:20 |
ทิโมธีเอ๋ย รักษาสิ่งที่พระเจ้าได้ฝากไว้กับคุณให้ดี อยู่ห่างจากการพูดไร้สาระ และหลีกเลี่ยงการโต้เถียงในเรื่องที่คนเข้าใจผิดเรียกว่าเป็น “ความรู้” |
|
ลูกา 11:52 |
น่าละอายจริงๆพวกคุณที่เก่งกฎปฏิบัติ เพราะคุณเอากุญแจที่จะไขความรู้ไป แต่ตัวเองไม่ยอมเข้าไป แล้วยังขัดขวางคนอื่นที่กำลังจะเข้าไปอีกด้วย” |
|
โรม 2:20 |
เป็นคนชี้แนะคนโง่ และเป็นครูสอนคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ที่คุณมั่นใจอย่างนี้เพราะในกฎนั้นมีความรู้และความจริงในรูปแบบที่เข้าใจง่าย |
|
ปฐมกาล ๒:๔-๒๕ |
[๔] นี่เป็นที่มาของท้องฟ้าและแผ่นดินโลก ตอนที่พวกมันถูกสร้างขึ้นนั้น ตอนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าสร้างโลกและท้องฟ้าขึ้นนั้น[๕] ยังไม่มีพุ่มไม้ในท้องทุ่งเกิดขึ้นบนโลกนี้ และยังไม่มีพืชในท้องทุ่งแตกหน่อออกมา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้า ยังไม่ได้ทำให้มีฝนตกบนโลกนี้ และยังไม่มีมนุษย์ที่จะมาไถพรวนดินนั้น[๖] แต่มีตาน้ำไหลออกมาจากพื้นดิน และมันก็ทำให้หน้าดินชุ่มชื้น[๗] พระยาห์เวห์พระเจ้าได้ปั้นมนุษย์ผู้ชาย ขึ้นจากผงดินบนพื้น พระองค์ปล่อยลมหายใจเข้าไปในจมูกของชายคนนั้น เป็นลมหายใจแห่งชีวิต และชายคนนั้นก็มีชีวิตขึ้นมา[๘] พระยาห์เวห์พระเจ้าสร้างสวนแห่งหนึ่งขึ้นในเอเดนทางทิศตะวันออก พระองค์ให้ชายคนที่พระองค์สร้างขึ้นมาอยู่ที่นั่น[๙] พระยาห์เวห์พระเจ้าทำให้ต้นไม้ทุกชนิดงอกขึ้นมาจากพื้นดิน ทั้งต้นไม้ที่ให้ความสวยงาม กับต้นไม้ที่กินได้ ตรงกลางสวนนั้นมีต้นไม้แห่งชีวิต และต้นไม้แห่งการรู้จักผิดชอบชั่วดี[๑๐] มีแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่านสวนเอเดน เพื่อจะได้มีน้ำให้กับสวนนั้น จากจุดนั้น แม่น้ำสายนี้ได้แยกออกมาเป็นแม่น้ำสายเล็กๆสี่สาย[๑๑] แม่น้ำสายที่หนึ่งมีชื่อว่า ปิโชน เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองฮาวิลาห์ เมืองนี้มีทองคำ[๑๒] เป็นทองคำเนื้อดี เมืองนี้ยังมียางไม้ครั่ง และโมรา ด้วย[๑๓] แม่น้ำสายที่สองมีชื่อว่ากิโฮน เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองคูช[๑๔] แม่น้ำสายที่สามมีชื่อว่าไทกริส เป็นแม่น้ำที่ไหลไปทางทิศตะวันออกของเมืองอัสซีเรีย แม่น้ำสายที่สี่มีชื่อว่ายูเฟรติส[๑๕] พระเจ้าเอาผู้ชายคนนั้นไปอยู่ในสวนเอเดน ให้เขาดูแลเอาใจใส่สวนนั้น[๑๖] พระยาห์เวห์พระเจ้าสั่งชายคนนั้นว่า “เจ้าจะกินจากต้นไม้ไหนๆก็ได้ในสวนนี้[๑๗] แต่เจ้าต้องไม่กินจากต้นไม้แห่งการรู้จักผิดชอบชั่วดี เพราะในวันที่เจ้ากินจากต้นไม้นั้น เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน”[๑๘] พระยาห์เวห์พระเจ้าพูดว่า “มันไม่ดีที่จะให้ผู้ชายคนนี้อยู่คนเดียว เราจะสร้างผู้ช่วยคนหนึ่งที่เหมือนกับเขาให้กับเขา”[๑๙] พระยาห์เวห์พระเจ้าได้ใช้ดินสร้างเป็นสัตว์ทุกชนิดในท้องทุ่งและนกทุกชนิดในอากาศ แล้วพระองค์ได้นำสัตว์พวกนี้แต่ละตัวไปมอบให้กับชายคนนี้ เพื่อดูว่าเขาจะเรียกมันว่าอะไร ชายคนนี้เรียกสิ่งมีชีวิตพวกนั้นว่าอะไร มันก็มีชื่อตามนั้น[๒๐] ชายคนนี้ตั้งชื่อให้กับสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่ พวกนกที่อยู่ในอากาศ และสัตว์ป่าทุกชนิด แต่ก็ไม่เจอผู้ช่วยที่เหมือนกับเขาเลย[๒๑] พระยาห์เวห์พระเจ้าทำให้ชายคนนี้หลับสนิท ตอนที่เขาหลับอยู่นั้น พระองค์เอาซี่โครงซี่หนึ่งของเขาออกมา แล้วปิดแผลบนผิวหนังของเขา[๒๒] จากนั้น พระยาห์เวห์พระเจ้าก็เอาซี่โครงที่มาจากชายนั้น มาสร้างเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วพระองค์ก็เอานางไปให้กับชายคนนั้น[๒๓] ชายนั้นจึงพูดว่า “ในที่สุด นี่แหละคือกระดูกจากกระดูกของเรา และเนื้อจากเนื้อของเรา เธอจะถูกเรียกว่า ผู้หญิง เพราะเธอถูกดึงออกมาจากผู้ชาย”[๒๔] เพราะเหตุนี้ ผู้ชายจึงได้จากพ่อแม่ของเขา ไปผูกพันอยู่กับเมียของเขา และทั้งสองคนก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน[๒๕] ในเวลานั้น ทั้งผู้ชายและเมียของเขา ก็เปลือยกายอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกอับอาย |
|
วิวรณ์ 11:15-18 |
[15] เมื่อเสียงแตรจากทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดดังขึ้น ก็มีเสียงในสวรรค์ดังขึ้นมากมายพูดว่า “อาณาจักรของโลกนี้ได้กลายเป็นอาณาจักรขององค์เจ้าชีวิตของเรากับกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของพระองค์แล้ว พระองค์จะครอบครองตลอดไป”[16] พวกผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่องค์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ของตนตรงหน้าพระเจ้า ได้ก้มหน้ากราบลงนมัสการพระเจ้า[17] และพูดว่า “เราขอบคุณพระองค์ องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้และในอดีต เพราะพระองค์ได้ใช้อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ และได้เริ่มครอบครองแล้ว[18] ชนชาติที่ไม่ได้เชื่อพระองค์เกิดความโกรธแค้น แต่บัดนี้ถึงเวลาแล้ว ที่พระองค์จะแสดงความโกรธของพระองค์ ถึงเวลาสำหรับพระองค์แล้ว ที่จะพิพากษาคนที่ตายไปแล้ว และให้รางวัลกับพวกผู้รับใช้ของพระองค์ พวกผู้พูดแทนพระเจ้า คนของพระองค์และคนพวกนั้นที่เคารพยำเกรงพระองค์ ทั้งผู้ยิ่งใหญ่และผู้ต่ำต้อย และถึงเวลาสำหรับพระองค์แล้ว ที่จะทำลายคนพวกนั้นที่ได้ทำลายแผ่นดินโลก” |
|
โคโลสี 1:15-16 |
[15] พระคริสต์เป็นภาพสะท้อนของพระเจ้าผู้ที่ตามนุษย์มองไม่เห็น พระคริสต์เป็นลูกหัวปีที่อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา[16] พระเจ้าใช้พระคริสต์สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ในสวรรค์หรือบนโลก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มองเห็นหรือมองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นพวกวิญญาณที่นั่งบนบัลลังก์ หรือพวกผู้ครอบครองแผ่นดิน หรือพวกผู้ปกครอง หรือพวกผู้มีสิทธิอำนาจ พระคริสต์เป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างนี้ และทุกสิ่งทุกอย่างนี้ก็เกิดขึ้นมาเพื่อให้เกียรติกับพระองค์ |
|
วิวรณ์ ๑:๕ |
และจากพระเยซูผู้เป็นพยานที่ซื่อสัตย์ เป็นคนแรกที่ฟื้นขึ้นจากความตายและเป็นผู้มีอำนาจเหนือกษัตริย์ทั้งหลายในโลกนี้ พระเยซูคริสต์รักเรา และได้ปลดปล่อยให้เราเป็นอิสระจากบาปของเราด้วยเลือดของพระองค์ |
|
วิวรณ์ 5:6 |
แล้วผมก็เห็นลูกแกะ ตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงกลางใกล้ๆกับบัลลังก์ และมีสิ่งมีชีวิตทั้งสี่และพวกผู้อาวุโสล้อมรอบมันอยู่ ดูเหมือนว่าลูกแกะตัวนั้นเคยถูกฆ่ามาแล้ว มันมีเจ็ดเขา และเจ็ดตา ซึ่งเป็นพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้าที่พระองค์ส่งออกไปทั่วโลก |
|
วิวรณ์ 13:14 |
มันหลอกลวงพวกคนชั่วที่อยู่บนโลก ด้วยปาฏิหาริย์ที่มันได้รับอนุญาตให้ทำต่อหน้าสัตว์ร้ายตัวแรกนั้น มันสั่งให้คนชั่วที่อยู่บนโลกสร้างรูปปั้นให้กับสัตว์ร้ายตัวที่ถูกฟันด้วยดาบแต่ยังไม่ตาย |
|
วิวรณ์ ๑๗:๑๘ |
ส่วนหญิงที่คุณเห็นนั้น คือเมืองใหญ่ที่ปกครองเหนือกษัตริย์ทั้งหลายบนโลกนี้” |
|
โยบ ๒๖:๗ |
พระองค์คลี่ฟ้าทางเหนือออกเหนือที่เวิ้งว้าง และแขวนโลกเอาไว้บนความว่างเปล่า |
|
อิสยาห์ ๔๐:๒๒ |
คือพระองค์เป็นผู้นั้นที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ เหนือวงกลมของโลกนี้ และเมื่อพระองค์มองลงมา พวกที่อาศัยอยู่บนมันก็เป็นเหมือนกับตั๊กแตน พระองค์เป็นผู้ที่ขึงฟ้าสวรรค์ออกเหมือนขึงผ้าเต็นท์ และกางมันออกเหมือนกางเต็นท์ให้อยู่ |
|
ปฐมกาล ๑:๑-๓ |
[๑] ในปฐมกาลนั้น เมื่อพระเจ้าสร้างแผ่นดินและท้องฟ้า[๒] แผ่นดินยังไร้ระเบียบ และว่างเปล่าอยู่ มีน้ำลึกปกคลุมแผ่นดิน และความมืดปกคลุมน้ำ พระวิญญาณของพระเจ้า เคลื่อนไหวเหมือนพายุอยู่เหนือน้ำนั้น[๓] เมื่อพระเจ้าพูดว่า “จงมีแสงสว่างขึ้น” แสงสว่างก็เกิดขึ้น |
|
ปัญญาจารย์ ๑:๑๓-๑๗ |
[๑๓] เราได้ตั้งใจใช้สติปัญญาเพื่อค้นคว้า สำรวจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ฟ้านี้ การค้นคว้าที่พระเจ้าให้คนทำกันนี้ มันยุ่งยากอย่างร้ายกาจ และหาความสนุกไม่ได้เลย[๑๔] เราสังเกตเห็นการงานทุกอย่างที่คนทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์นี้แล้วค้นพบว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง เหมือนกับไล่ตามลม[๑๕] สิ่งที่คดงอแล้ว จะทำให้กลับมาตรงอีกก็ไม่ได้แล้ว และสิ่งที่ไม่มีตัวตนก็จะนับไม่ได้[๑๖] เราพูดกับตัวเองว่า “เราได้กลายเป็นใหญ่ และมีสติปัญญามากกว่ากษัตริย์ทุกองค์ที่ปกครองเยรูซาเล็มก่อนหน้าเรา จิตใจของเราก็ได้เจอกับสติปัญญาและความรู้มากมาย”[๑๗] เราเลยตั้งใจเรียนรู้ทั้งสติปัญญา ความรู้ ความบ้าๆบอๆและความโง่เขลา แล้วเราก็พบว่า การเรียนรู้นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการวิ่งไล่ตามลม |
|
ปฐมกาล ๒:๔ |
นี่เป็นที่มาของท้องฟ้าและแผ่นดินโลก ตอนที่พวกมันถูกสร้างขึ้นนั้น ตอนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าสร้างโลกและท้องฟ้าขึ้นนั้น |
|
ดาเนียล ๑๒:๔ |
ส่วนเจ้า ดาเนียล ให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และปิดผนึกหนังสือเอาไว้จนกว่าจะถึงเวลาของจุดจบนั้น คนเป็นจำนวนมากจะเดินทางไปโน่นไปนี่ และความรู้ก็จะเพิ่มขึ้น” |
|
อิสยาห์ ๔๒:๕ |
นี่คือคำพูดของพระเจ้า พระยาห์เวห์ ผู้ที่สร้างท้องฟ้าและขึงพวกมันออก ผู้ที่ทุบโลกนี้ให้แผ่ออกมาและสร้างทุกสิ่งที่อยู่บนโลกนี้ ผู้ที่ให้ลมหายใจกับมนุษย์ที่อยู่บนโลก และให้ชีวิตกับทุกคนที่เดินอยู่บนมัน พระองค์พูดว่า |
|
โยบ ๒๖:๗-๑๔ |
[๗] พระองค์คลี่ฟ้าทางเหนือออกเหนือที่เวิ้งว้าง และแขวนโลกเอาไว้บนความว่างเปล่า[๘] พระองค์ห่อน้ำไว้ในเมฆอันหนาทึบของพระองค์ และน้ำนั้นไม่ได้ทำให้เมฆฉีกขาด[๙] พระองค์เอาเมฆของพระองค์ ปูคลุมหน้าของดวงจันทร์เต็มดวง[๑๐] พระองค์ขีดเส้นขอบฟ้าไว้เหนือทะเล แบ่งเขตแดนระหว่างความสว่างกับความมืด[๑๑] เมื่อพระองค์ตะโกน พวกเสาหลักของฟ้าสวรรค์ก็สะดุ้งสั่นไหว[๑๒] พระองค์ใช้พละกำลังปราบทะเลให้สงบลง และใช้ปัญญาของพระองค์บดขยี้ราหับ[๑๓] ลมหายใจของพระองค์ทำให้ฟ้าสว่างสดใส มือของพระองค์แทงงูใหญ่ ที่กำลังเลื้อยหนีไป[๑๔] นี่เป็นแค่เสี้ยวเดียวของสิ่งที่พระองค์ทำ ที่เราได้ยินนี้เป็นแค่เสียงกระซิบของฤทธิ์อำนาจพระองค์เท่านั้น ส่วนฤทธิ์อำนาจทั้งหมดที่กึกก้องเหมือนฟ้าร้องนั้น ใครจะไปเข้าใจได้” |
|
สดุดี ๑๐๔:๕ |
พระองค์วางโลกนี้บนรากฐานของมัน เพื่อโลกนี้จะได้ไม่เคลื่อนหลุดไป |
|
สดุดี ๑๐๔:๙ |
พระองค์กำหนดขอบเขตไว้ไม่ให้น้ำไหลล้นขึ้นมา เพื่อมันจะได้ไม่มาครอบคลุมโลกอีก |
|
อิสยาห์ ๔๕:๑๒ |
เราได้สร้างโลกนี้ และได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาบนโลก เราได้กางท้องฟ้าออกด้วยมือของเราเอง และเราได้ให้คำสั่งกับพวกดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลาย |
|
อาโมส 9:6 |
พระองค์สร้างห้องชั้นบนของพระองค์บนฟ้าสวรรค์ และเอาท้องฟ้ามาครอบโลกไว้ พระองค์เรียกน้ำจากทะเล และเทมันเป็นฝนลงบนพื้นโลก ยาห์เวห์คือชื่อของพระองค์ |
|
ปฐมกาล ๖:๑๒ |
พระเจ้ามองดูโลกนี้ และเห็นว่าโลกนี้เสื่อมทรามจริงๆ เพราะวิถีทางทั้งหลายของมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้เสื่อมทราม |
|
ปฐมกาล ๘:๙ |
แต่นกนั้นยังหาที่เกาะไม่ได้ นกจึงบินกลับมาหาโนอาห์ที่เรืออีก เพราะน้ำยังท่วมแผ่นดินอยู่ โนอาห์ยื่นมือออกไปจับนกนั้น เอามันกลับเข้ามาในเรือ |
|
ปฐมกาล ๙:๑๑ |
เราให้สัญญากับพวกเจ้าว่า จะไม่มีน้ำมาท่วมทำลายทุกสิ่งที่มีชีวิตหรือโลกนี้อีก” |
|
อิสยาห์ ๑๑:๑๒ |
พระองค์จะยกธงขึ้นให้กับชนชาติต่างๆ และพระองค์ก็จะรวบรวมคนที่ถูกขับไล่ออกไปจากอิสราเอลกลับมา และพระองค์ก็จะรวบรวมคนยูดาห์ที่เคยกระจัดกระจายไปนั้นจากทั่วทั้งสี่มุมโลก |
|
ดาเนียล ๑๒:๑-๓ |
[๑] ในเวลานั้นเอง เจ้าชายมีคาเอลผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่เฝ้ารักษาประชาชนของเจ้าก็จะยืนขึ้น แล้วก็จะถึงเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบาก ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่คนพวกนี้เป็นชนชาติขึ้นมาจนถึงเวลานั้น แต่ ดาเนียล ในเวลานั้นคนของเจ้าทุกคน ที่มีชื่อเขียนอยู่ในหนังสือแห่งชีวิตก็จะรอดชีวิต[๒] และคนเป็นจำนวนมากที่ถูกฝังอยู่ในดินก็จะฟื้นขึ้นมา บางคนฟื้นขึ้นมาสู่ชีวิตนิรันดร์ และบางคนฟื้นขึ้นมาสู่ความอับอายและถูกปฏิเสธตลอดนิรันดร์[๓] พวกผู้นำที่เฉลียวฉลาด จะส่องสว่างจ้าเหมือนกับท้องฟ้าที่สว่างไสว คนพวกนี้ที่ได้นำคนจำนวนมากมาใช้ชีวิตอย่างที่พระเจ้าพอใจ ก็จะส่องสว่างเหมือนหมู่ดาวตลอดชั่วนิรันดร์ |
|
อิสยาห์ ๕๑:๑๓ |
ทำไมเจ้าถึงได้ลืมพระยาห์เวห์ผู้ที่สร้างเจ้ามา ผู้ที่กางแผ่นฟ้าออก ผู้ที่วางรากฐานของโลก ทำไมเจ้าถึงได้หวาดกลัวคนพวกนั้นอยู่เรื่อยทั้งวัน คือพวกที่โกรธแค้นและข่มเหงเจ้า พวกที่ตั้งใจจะทำลายเจ้า แล้วตอนนี้ พวกที่โกรธแค้นและที่เคยข่มเหงเจ้าหายไปไหนกันหมดแล้ว |
|
เยเรมีย์ ๑๐:๑๒ |
แต่พระยาห์เวห์เป็นผู้สร้างแผ่นดินโลกด้วยพละกำลังของพระองค์ พระองค์เป็นผู้ก่อตั้งโลกนี้ขึ้นมาด้วยสติปัญญาของพระองค์ และเป็นผู้กางฟ้าสวรรค์ออกด้วยความรู้ของพระองค์เอง |
|
อิสยาห์ ๕๕:๑๐ |
ฝนและหิมะที่ตกลงมาจากท้องฟ้าจะไม่หวนกลับไปบนท้องฟ้า จนกว่าจะทำให้พื้นเปียก จนกว่าจะทำให้พื้นดินผลิดอกออกผลและแตกหน่อ จนกว่าจะให้เมล็ดข้าวกับผู้หว่านและให้อาหารกับคนกิน |
|
ปฐมกาล ๑๐:๒๕ |
ลูกชายสองคนของเอเบอร์ คือเพเลก และโยกทาน ที่เขาตั้งชื่อว่าเพเลกก็เพราะในสมัยนั้นมีการแบ่งแผ่นดินกัน |
|
ยูดา ๑:๙ |
ซึ่งแม้แต่มีคาเอลที่เป็นหัวหน้าทูตสวรรค์ยังไม่กล้าด่าว่ามาร ตอนที่โต้เถียงกันว่าใครจะได้ศพของโมเสสไป มีคาเอลแค่พูดว่า “ขอให้องค์เจ้าชีวิตจัดการกับเจ้า” |
|
โคโลสี ๑:๑๕ |
พระคริสต์เป็นภาพสะท้อนของพระเจ้าผู้ที่ตามนุษย์มองไม่เห็น พระคริสต์เป็นลูกหัวปีที่อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา |
|
๑ เธสะโลนิกา 4:16 |
เพราะเมื่อคนได้ยินคำสั่งอันดังกึกก้องของหัวหน้าทูตสวรรค์ และเสียงเป่าแตรของพระเจ้าดังขึ้น องค์เจ้าชีวิตเองก็จะลงมาจากสวรรค์ และบรรดาคนที่ได้ตายไปแล้วในพระคริสต์ จะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาก่อน |
|
วิวรณ์ 3:14 |
ให้เขียนถึงทูตสวรรค์ของหมู่ประชุมในเมืองเลาดีเซียว่า “พระองค์ผู้ที่ได้ชื่อว่าอาเมน ผู้ที่ซื่อสัตย์ ผู้เป็นพยานที่แท้จริง พระเจ้าได้สร้างทุกสิ่งขึ้นมาผ่านทางผู้นี้พูดว่า |
|
อิสยาห์ 9:6 |
เพราะมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา พระองค์ให้ลูกชายคนหนึ่งกับเรา และสิทธิอำนาจก็จะตกอยู่ที่บ่าของเด็กคนนี้ และเขามีชื่อว่า “ที่ปรึกษาอันมหัศจรรย์ นักรบที่ทรงพลังเหมือนพระเจ้า พระบิดาตลอดกาล เจ้าชายแห่งสันติสุข” |
|
ดาเนียล 11:1 |
ในปีแรกที่ดาริอัสชาวมีเดียขึ้นเป็นกษัตริย์ เราเองได้ยืนอยู่กับมีคาเอลเพื่อสนับสนุนและช่วยเขา ในการต่อสู้กับเจ้าฟ้าแห่งเปอร์เซีย |
|
สดุดี 22:16 |
พวกหมาได้รายล้อมข้าพเจ้าไว้ กลุ่มคนชั่วร้ายได้รุมล้อมข้าพเจ้าไว้ พวกมันได้แทงมือแทงเท้าของข้าพเจ้า |
|
โยบ 28:25 |
พระองค์กำหนดน้ำหนักให้กับลม พระองค์ตวงน้ำด้วยถ้วยตวง |
|
โยบ 38:16 |
เจ้าเคยไปที่ตาน้ำแห่งท้องทะเลหรือ หรือเจ้าเคยเดินท่องไปในที่ลึกลับของมหาสมุทรหรือ |
|
ปัญญาจารย์ 1:7 |
แม่น้ำลำธารทุกสายไหลลงสู่ทะเล แต่ทะเลก็ไม่เคยเต็ม แม่น้ำลำธารไหลลงมาจากที่ไหน พวกมันก็กลับไปที่นั่นและไหลกลับลงมาอีก |
|
ยอห์น 1:18 |
ไม่เคยมีใครเห็นพระเจ้า มีแต่พระบุตรเพียงองค์เดียวของพระองค์ ผู้ที่เป็นพระเจ้าเอง และอยู่ใกล้ชิดกับพระบิดาด้วย ได้เปิดเผยพระเจ้าให้เรารู้จัก |
|
ปฐมกาล ๑:๖-๘ |
[๖] พระเจ้าพูดว่า “ขอให้มีโดม เกิดขึ้นระหว่างน้ำ แยกน้ำนั้นออกจากกันเป็นสองส่วน”[๗] พระเจ้าจึงสร้างโดมขึ้น พระองค์แยกน้ำที่อยู่ใต้โดมนั้นออกจากน้ำที่อยู่เหนือโดมนั้น แล้วมันก็เกิดขึ้นตามนั้น[๘] พระเจ้าเรียกโดมนั้นว่า “ท้องฟ้า” มีตอนเย็นและมีตอนเช้า นี่คือวันที่สอง |
|
Thai Bible (ERV) 2001 |
Copyright © 2001 by Bible League International |