ดาเนียล ๙:๓-๑๐ |
[๓] ดังนั้นผมจึงตัดสินใจแสวงหาพระเจ้าองค์เจ้าชีวิตของผม ด้วยการอธิษฐาน ขอความเมตตาจากพระองค์ ในขณะที่ผมอดอาหาร สวมใส่ผ้ากระสอบไว้ทุกข์ และโรยขี้เถ้าบนหัว[๔] ผมอธิษฐานกับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของผม และสารภาพบาป ผมพูดว่า “ได้โปรดเถิด องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม ผู้ที่รักษาข้อตกลงของพระองค์ และแสดงความรักที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ กับคนที่รักพระองค์ ซึ่งก็คือคนที่ทำตามคำสั่งของพระองค์[๕] พวกเราทำบาป ทำผิด และทำสิ่งที่ชั่วร้าย เราได้กบฏและเบือนหน้าหนีจากคำสั่งและกฎเกณฑ์ของพระองค์[๖] เราไม่ยอมฟังพวกผู้รับใช้ของพระองค์ พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ที่มาพูดตามคำสั่งของพระองค์ ที่พระองค์สั่งให้มาพูดกับกษัตริย์ของเรา พวกผู้นำ พวกพ่อของเรา และทุกคนในประเทศ[๗] องค์เจ้าชีวิตเจ้าข้า พระองค์ทำถูกต้องแล้ว แต่เรานำความอับอายขายหน้ามาสู่พวกเราเองจนถึงทุกวันนี้ คือมาสู่คนยูดาห์ พลเมืองของเยรูซาเล็ม และชาวอิสราเอลทุกคน ทั้งใกล้และไกล มาสู่คนในทุกประเทศที่พระองค์ทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปนั้น หลังจากที่พวกเขาทรยศต่อพระองค์[๘] ใช่แล้วพระยาห์เวห์ เราได้นำความอับอายมาสู่พวกเราเอง ทั้งพวกเรา พวกกษัตริย์ พวกผู้นำ และพวกพ่อของเรา เพราะพวกเราทุกคนได้ทำบาปต่อพระองค์[๙] แต่องค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเรามีความเมตตาและให้อภัยพวกเราที่ได้กบฏต่อพระองค์[๑๐] เราไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา นั่นคือเราไม่ได้ใช้ชีวิตตามคำสอนของพระองค์ ที่พระองค์ให้กับเรา ผ่านมาทางพวกผู้รับใช้ของพระองค์ คือพวกผู้พูดแทนพระเจ้านั่นเอง |
|
เอสรา ๙:๕-๗ |
[๕] เมื่อได้เวลาถวายเครื่องบูชาตอนเย็น ข้าพเจ้าลุกขึ้นจากตรงที่ข้าพเจ้านั่งด้วยความอับอาย พร้อมกับเสื้อและเสื้อคลุมที่ฉีกขาด ข้าพเจ้าคุกเข่าลงกราบ และยื่นมือทั้งสองขึ้นต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า[๖] และพูดว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้สึกอับอายและละอายใจเกินกว่าจะสู้หน้าพระองค์ได้ ข้าแต่พระเจ้า บาปของพวกเราได้เพิ่มมากขึ้นจนสูงท่วมหัวของพวกเราแล้ว และความผิดของเรา ก็พอกพูนมากจนถึงสวรรค์แล้ว[๗] ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษของพวกเรามาจนถึงทุกวันนี้ เรามีความผิดที่ร้ายแรงมาก และเพราะบาปของเรา พวกเรา รวมทั้งพวกกษัตริย์ของเรา และพวกนักบวชของเราต้องตกไปอยู่ในกำมือของพวกกษัตริย์ต่างชาติทั้งหลาย ถูกดาบฆ่าฟัน ถูกจับไปเป็นเชลย ถูกปล้น และได้รับความอับอายขายหน้าจนถึงทุกวันนี้ |
|
เอเสเคียล ๒๒:๒๘-๓๑ |
[๒๘] พวกที่อ้างว่าพูดแทนเราของเมืองนี้ ได้ฉาบปูนขาวปิดบังการกระทำเหล่านี้ของพวกผู้นำทั้งหมดนี้ โดยใช้นิมิตปลอมและคำทำนายที่โกหก พวกเขาอ้างว่านี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ทั้งๆที่พระยาห์เวห์ไม่ได้พูด[๒๙] พวกเจ้าของที่ดินรีดไถและปล้นชิง พวกเขากดขี่คนจนและคนที่ขัดสน และข่มเหงคนต่างด้าวที่ไม่มีทางฟ้องกลับได้[๓๐] เราได้มองหาคนหนึ่งในหมู่พวกเขา ที่จะมาซ่อมกำแพงและยืนอยู่ต่อหน้าเราตรงช่องโหว่ของกำแพง เพื่อปกป้องแผ่นดินนี้ เพื่อเราจะได้ไม่ทำลายมัน แต่เราก็หาไม่พบสักคนเลย[๓๑] ดังนั้นเราจะเทความเดือดดาลของเราลงที่พวกเขา และจะทำให้พวกเขาจบสิ้นลงด้วยไฟแห่งความโกรธของเรา เราจะให้กรรมชั่วที่พวกเขาทำนั้นสนองกลับไปตกลงบนหัวของพวกเขาเอง’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น |
|
เฉลยธรรมบัญญัติ ๙:๑๘-๒๙ |
[๑๘] และก็เหมือนกับครั้งก่อน เราได้ก้มหน้ากราบลงกับพื้นดินต่อหน้าพระยาห์เวห์เป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน ไม่ได้กินอาหารหรือดื่มน้ำ เราทำสิ่งต่างๆนี้ก็เพราะบาปทั้งหมดที่พวกท่านได้ทำไป คือพวกท่านได้ทำในสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ เพราะอย่างนี้จึงทำให้พระองค์โกรธ[๑๙] เรากลัวความโกรธและความเดือดดาลของพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์โกรธถึงขนาดที่จะทำลายพวกท่าน แต่ตอนนั้นพระยาห์เวห์ได้ฟังเรา[๒๐] พระยาห์เวห์โกรธอาโรนถึงขนาดที่จะทำลายเขา แต่เราได้อธิษฐานเผื่ออาโรนเหมือนกันในตอนนั้น[๒๑] เราได้เอาสิ่งที่เป็นบาปที่พวกท่านได้สร้างขึ้นมา คือลูกวัวไปเผาไฟ และเราก็ทำให้มันแตกเป็นชิ้นๆ บดมันจนละเอียดเป็นผุยผง แล้วเราก็โปรยผงนั้นลงในลำธารที่ไหลลงมาจากภูเขา[๒๒] ที่ทาเบราห์ ที่มัสสาห์ และที่ขิบโรท-หัทธาอาวาห์ก็เหมือนกัน พวกท่านทำให้พระยาห์เวห์โกรธ[๒๓] เมื่อพระยาห์เวห์ส่งพวกท่านจากคาเดช-บารเนีย และพูดว่า ‘ขึ้นไปยึดเป็นเจ้าของแผ่นดินที่เราได้ให้ไว้กับพวกเจ้า’ พวกท่านขัดขืนคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พวกท่านไม่ไว้วางใจพระองค์และไม่เชื่อฟังพระองค์[๒๔] พวกท่านได้ขัดขืนพระยาห์เวห์มาตลอด ตั้งแต่วันที่เรารู้จักพวกท่านเป็นครั้งแรก[๒๕] เมื่อเราก้มหน้าลงกราบพระยาห์เวห์เป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน เพราะพระยาห์เวห์บอกว่า พระองค์จะทำลายพวกท่าน[๒๖] เราได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า อย่าได้ทำลายคนของพระองค์ที่เป็นของรักของหวงที่มีค่าของพระองค์เลย พระองค์ไถ่ให้พวกเขาเป็นอิสระด้วยฤทธิ์อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์นำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ด้วยมืออันทรงพลังของพระองค์[๒๗] โปรดระลึกถึงอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ ผู้รับใช้ของพระองค์ อย่าไปสนใจกับความดื้อดึง ความชั่วร้ายและความบาปของคนพวกนี้เลย[๒๘] ไม่อย่างนั้นชาวอียิปต์จะพูดว่า “เพราะพระยาห์เวห์ไม่สามารถนำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินที่พระองค์สัญญาไว้กับพวกเขา และเพราะพระองค์เกลียดพวกเขา พระองค์จึงนำพวกเขาออกไปและฆ่าพวกเขาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง”[๒๙] พวกเขาคือคนของพระองค์ เป็นสมบัติของพระองค์เอง พระองค์ได้นำพวกเขาออกมาด้วยความแข็งแกร่งและอำนาจของพระองค์’ |
|
อพยพ ๓๒:๑๑-๑๓ |
[๑๑] โมเสสได้อ้อนวอนพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ อย่าปล่อยให้ความโกรธของพระองค์ เผาผลาญประชาชนของพระองค์เลย พระองค์เป็นผู้ที่พาคนพวกนี้ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่และมือของพระองค์ที่ยื่นออกมาช่วย[๑๒] พระองค์จะทำให้ชาวอียิปต์พูดได้ว่า ‘พระยาห์เวห์มีแผนชั่วในใจ ถึงได้พาชาวอิสราเอลออกมา เพื่อพระองค์จะได้ฆ่าพวกเขาที่ภูเขาและทำลายพวกเขาให้หมดสิ้นไปจากโลกนี้’ ขอให้หันจากความเกรี้ยวโกรธของพระองค์ด้วยเถิด และขอให้พระองค์เปลี่ยนใจ อย่าได้ทำสิ่งที่เลวร้ายกับประชาชนของพระองค์เลย[๑๓] ขอให้พระองค์ระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล พวกผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ได้สาบานไว้กับพวกเขาโดยอ้างชื่อของพระองค์เองว่า ‘เราจะทำให้ลูกหลานของพวกเจ้าเพิ่มทวี อย่างกับดวงดาวบนท้องฟ้า และเราได้สัญญาว่าเราจะยกแผ่นดินทั้งหมดนี้ให้กับลูกหลานของพวกเจ้า และพวกเขาจะได้ครอบครองมันตลอดไป’” |
|
อพยพ ๓๒:๓๑-๓๒ |
[๓๑] แล้วโมเสสก็กลับไปหาพระยาห์เวห์และพูดว่า “ได้โปรดเถิด คนเหล่านี้ได้ทำบาปอันใหญ่หลวง โดยสร้างพวกพระทองคำให้กับตัวเอง[๓๒] เพราะอย่างนี้ ขอได้โปรดยกโทษให้กับความบาปของพวกเขาด้วยเถิด ถ้าพระองค์ไม่ยอม ก็ให้ลบชื่อของข้าพเจ้าออกจากสมุด ของพระองค์ ที่พระองค์ได้เขียนไว้เถิด” |
|
เนหะมีย์ ๑:๑-๑๑ |
[๑] นี่คือคำพูดของเนหะมียาห์ ลูกชายของฮาคาลิยาห์ ในเดือนคิสเลฟ ปีที่ยี่สิบ แห่งรัชกาลของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส ขณะที่ผมอยู่ในเขตวังเมืองสุสา[๒] ฮานานีพี่น้องของผมคนหนึ่ง กับชายบางคนจากยูดาห์ได้เข้ามาพบผม ผมได้ถามพวกเขาถึงพวกยิวที่เหลืออยู่ที่หนีรอดมา ไม่ตกเป็นเชลย และได้ถามเกี่ยวกับเมืองเยรูซาเล็ม[๓] พวกเขาบอกผมว่า “คนเหล่านั้นที่อยู่ในยูดาห์ ที่หนีรอดมา ไม่ตกเป็นเชลยนั้นกำลังลำบากและอับอายมาก เพราะกำแพงเมืองเยรูซาเล็มได้พังลง และประตูเมืองต่างๆก็ถูกเผา”[๔] เมื่อผมได้ฟังอย่างนั้น ก็ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ และไว้ทุกข์อยู่หลายวัน ผมได้อดอาหารพร้อมกับอธิษฐานต่อหน้าพระเจ้าแห่งสวรรค์[๕] ผมพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งสวรรค์ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม พระองค์ผู้รักษาคำมั่นสัญญาอย่างสัตย์ซื่อกับคนเหล่านั้นที่รักพระองค์ และเชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์[๖] ขอให้หูของพระองค์รับฟังและตาเปิดออก เพื่อฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังอธิษฐานต่อหน้าพระองค์ทั้งวันทั้งคืน สำหรับคนอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ และข้าพเจ้ากำลังสารภาพความบาปทั้งหลายของคนอิสราเอล ที่พวกเราได้ทำต่อพระองค์ แม้แต่ข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้าก็บาปด้วย[๗] พวกเราชาวอิสราเอลได้ทำตัวชั่วช้ามากต่อพระองค์ และพวกเราก็ไม่เชื่อฟังพวกคำสั่ง บัญญัติ และกฎทั้งหลายที่พระองค์ให้ไว้กับโมเสส ผู้รับใช้ของพระองค์[๘] ขอพระองค์ระลึกถึงคำพูดที่พระองค์ให้ไว้กับโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ คือตอนที่พระองค์พูดว่า ‘ถ้าพวกเจ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา เราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปอยู่ตามชนชาติต่างๆ[๙] แต่ถ้าพวกเจ้าหันกลับมาหาเรา และทำตามคำสั่งต่างๆของเราอย่างเคร่งครัด เมื่อนั้นถึงแม้พวกเจ้าที่ถูกจับไปเป็นเชลยจะกระจัดกระจายไปอยู่ถึงสุดขอบฟ้า เราก็จะรวบรวมพวกเจ้ากลับมาจากที่นั่น เราจะนำพวกเจ้ามาอยู่ในสถานที่ที่เราได้เลือกไว้ให้เป็นที่สถิตชื่อของเรา’[๑๐] คนอิสราเอลเหล่านี้เป็นผู้รับใช้และเป็นคนของพระองค์ ที่พระองค์ได้ช่วยให้พ้นจากการเป็นทาสด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ และมืออันแข็งแกร่งของพระองค์[๑๑] ข้าแต่องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ขอให้หูของพระองค์รับฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ และรับฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ทั้งหมดของพระองค์ ผู้ที่มีความสุขในการให้เกียรติกับพระองค์ ขอพระองค์มอบความสำเร็จให้กับข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์ในวันนี้ด้วยเถิด และทำให้กษัตริย์องค์นี้ชอบข้าพเจ้าด้วยเถิด” ในตอนนั้น ผมมีตำแหน่งเป็นคนชิมเหล้าองุ่น ของกษัตริย์ |
|
สดุดี ๘๕:๖ |
พระองค์จะให้ชีวิตใหม่กับเราอีกครั้ง ใช่ไหม แล้วคนของพระองค์จะได้มีความสุขในพระองค์ |
|
สดุดี ๒๒:๒๗ |
ขอให้คนทั่วทุกมุมโลก ระลึกถึงพระยาห์เวห์และหันมาหาพระองค์ ขอให้คนทุกชาติ ก้มกราบนมัสการต่อหน้าพระองค์ |
|
สดุดี ๕๑:๑๐ |
ข้าแต่พระเจ้า โปรดสร้างใจอันบริสุทธิ์ให้กับข้าพเจ้า โปรดใส่จิตวิญญาณใหม่ที่จงรักภักดีลงไปในข้าพเจ้า |
|
สดุดี ๘๐:๑๘ |
แล้วพวกเราจะได้ไม่หันเหไปจากพระองค์ ขอพระองค์ให้ชีวิตใหม่กับพวกเรา เพื่อพวกเราจะได้สรรเสริญชื่อของพระองค์ |
|
ฮาบากุก ๓:๒ |
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ สิ่งที่พระองค์ทำนั้น ทำให้ข้าพเจ้ายำเกรงพระองค์ เมื่อเวลาที่กำหนดนั้นใกล้มาถึงแล้ว ขอให้พระองค์ทำงานยิ่งใหญ่เหมือนกับที่เคยทำในอดีต เมื่อเวลาที่กำหนดนั้นใกล้มาถึงแล้ว ขอให้คนรู้จักฤทธิ์อำนาจของพระองค์อีกครั้ง ในเวลาที่พระองค์โกรธ อย่าลืมแสดงความเมตตาด้วย |
|
อิสยาห์ ๕๗:๑๕ |
พระเจ้า ผู้อยู่ในที่สูงและได้รับการยกย่อง ผู้ที่อยู่ตลอดกาล และผู้ที่มีชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ พูดว่า “เราอาศัยอยู่ในที่สูงและศักดิ์สิทธิ์ แต่เราก็อยู่กับคนเหล่านั้นที่สำนึกผิดและถ่อมตัวลง เราจะฟื้นฟูจิตใจของคนที่ถ่อมตัวลงและฟื้นฟูจิตใจของคนที่สำนึกผิด |
|
๒ พงศาวดาร ๗:๑๔ |
ถ้าประชาชนของเราผู้ที่เราได้ประทับชื่อเราไว้ ถ่อมตัวลงและอธิษฐาน และเริ่มแสวงหาใบหน้าของเรา และหันเหออกจากวิถีทางชั่วทั้งหลายของพวกเขา เราก็จะรับฟังจากสวรรค์ และจะยกโทษบาปของพวกเขาและจะรักษาแผ่นดินของพวกเขา |
|
ยากอบ ๔:๘ |
เข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า แล้วพระองค์จะเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับคุณ พวกคนบาปทั้งหลาย ล้างมือให้สะอาด และคนโลเลทั้งหลาย ทำใจให้บริสุทธิ์ |
|
เอเสเคียล ๓๗:๑๑-๑๕ |
[๑๑] พระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ กระดูกเหล่านี้คือครอบครัวของชาวอิสราเอลทั้งหมด ชาวอิสราเอลชอบพูดว่า ‘กระดูกของพวกเราแห้งกรังไปแล้ว พวกเราสิ้นหวัง พวกเราโดนตัดขาดแล้ว’[๑๒] ดังนั้น ให้พูดแทนเรากับพวกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ประชาชนของเราเอ๋ย เรากำลังจะเปิดหลุมฝังศพของพวกเจ้าและนำพวกเจ้าออกมา เราจะนำพวกเจ้ากลับคืนสู่แผ่นดินอิสราเอล[๑๓] ประชาชนของเราเอ๋ย เมื่อเราเปิดหลุมฝังศพของพวกเจ้าและนำพวกเจ้าออกมาจากหลุมเหล่านั้น เจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์[๑๔] เราจะใส่พระวิญญาณของเราไว้ในพวกเจ้าและพวกเจ้าจะมีชีวิต เราจะวางพวกเจ้าไว้ในแผ่นดินของพวกเจ้าเอง แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่า เรา คือ ยาห์เวห์ เราได้ลั่นคำพูดไปแล้ว และเราก็จะทำตามนั้น”’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น[๑๕] คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า |
|
กิจการของอัครทูต ๒:๑๗-๑๘ |
[๑๗] ‘พระเจ้าพูดว่า ในช่วงสุดท้ายนั้น เราจะเทพระวิญญาณของเราลงบนมนุษย์ทุกคน ทั้งบุตรชายและบุตรสาวของพวกเจ้าจะพูดแทนเรา คนหนุ่มจะเห็นภาพนิมิต คนแก่จะมีความฝันพิเศษ[๑๘] ในช่วงนั้น เราจะเทพระวิญญาณของเราลงบนทาสของเราทั้งชายและหญิง และเขาเหล่านั้นจะพูดแทนเรา |
|
๒ ทิโมธี ๔:๓-๔ |
[๓] เพราะจะมีเวลาหนึ่งที่คนจะไม่ยอมทนต่อคำสอนที่มีประโยชน์นี้ แต่พวกเขาจะไปรวบรวมครูมากมายมาพูดในสิ่งที่หูของพวกเขาอยากจะฟัง[๔] พวกเขาจะหันหูไปจากความจริง และหันไปฟังนิยายปรัมปราต่างๆ |
|
เอเฟซัส ๕:๑๔ |
เพราะความสว่างจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันส่องนั้นกลายเป็นความสว่างไปด้วย นั่นเป็นเหตุที่มีคำพูดว่า “ตื่นได้แล้ว เจ้าที่หลับอยู่ ลุกขึ้นมาจากความตายสิ แล้วพระคริสต์จะส่องสว่างใส่เจ้า” |
|
มัทธิว ๖:๓๓ |
แต่ให้ดิ้นรนหาอาณาจักรของพระเจ้าและชีวิตที่ทำตามใจพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะให้สิ่งที่จำเป็นทั้งหมดนี้กับพวกคุณเอง |
|
กิจการของอัครทูต ๒:๓๘ |
เปโตรพูดกับพวกเขาว่า “กลับตัวกลับใจเสียใหม่ และเข้าพิธีจุ่มน้ำในนามของพระเยซูผู้เป็นพระคริสต์ เพื่อพระเจ้าจะได้ยกโทษความผิดบาปของคุณ แล้วคุณก็จะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นของขวัญ |
|
กิจการของอัครทูต ๓:๑๙-๒๑ |
[๑๙] ดังนั้นกลับตัวกลับใจเสียใหม่ หันกลับมาหาพระเจ้า แล้วพระเจ้าจะลบล้างความบาปให้กับคุณ[๒๐] แล้วองค์เจ้าชีวิตก็จะให้ความสดชื่นกับคุณอีกครั้ง และพระองค์จะส่งพระเยซู ผู้ที่พระองค์ได้เลือกไว้ให้เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มาให้กับคุณอีกด้วย[๒๑] แต่พระเยซูจะต้องอยู่ในสวรรค์ก่อน จนกว่าพระเจ้าจะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ใหม่เสียก่อน เหมือนกับที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ในสมัยก่อน ผ่านทางคนเหล่านั้นที่ถูกอุทิศไว้ให้เป็นให้พูดแทนพระองค์ |
|
เอเสเคียล ๑๘:๒๑-๓๓ |
[๒๑] แต่ถ้าคนชั่วคนหนึ่งหันเหไปจากบาปทั้งหมดที่เขาเคยทำและมารักษาข้อบังคับของเราและทำในสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรมแล้ว เขาก็จะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขาจะไม่ตาย[๒๒] เราจะไม่จดจำสิ่งไม่ดีที่เขาเคยทำนั้น เขาจะมีชีวิตอยู่ เพราะเขาได้ทำสิ่งถูกต้องทั้งหลาย”[๒๓] พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตถามว่า “คิดว่าเราชอบใจกับความตายของคนชั่วหรือยังไง เราชอบใจเมื่อเขาหันไปจากการกระทำชั่วต่างๆของเขาและมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ใช่หรือ[๒๔] แต่ถ้าคนดีหันจากความดีไปทำบาปและทำสิ่งที่น่ารังเกียจแบบเดียวกับที่คนชั่วทำ เขาจะมีชีวิตอยู่หรือ เราจะไม่จดจำความดีทั้งหมดที่เขาเคยทำ เขาจะต้องตาย เพราะเขาได้ทรยศเราและทำบาป[๒๕] แต่เจ้าอาจพูดว่า ‘วิถีทางของพระยาห์เวห์นั้นไม่ยุติธรรม’ ฟังให้ดี ครอบครัวของอิสราเอล เป็นวิถีทางของเราหรือการกระทำของเจ้ากันแน่ ที่ไม่ยุติธรรม[๒๖] ถ้าคนดีหันไปจากความดีและไปทำบาป เขาจะต้องตาย เขาจะตายเพราะบาปที่เขาได้ทำนั้น[๒๗] แต่ถ้าคนชั่วหันจากความชั่วที่เขาได้ทำ และไปทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม เขาจะรักษาชีวิตของเขาไว้ได้[๒๘] เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เพราะเขาได้สำรวจดูถึงสิ่งไม่ดีทั้งหมดที่เขาได้ทำและหันไปจากพวกมัน เขาจึงไม่ตาย[๒๙] แต่ครอบครัวชาวอิสราเอลยังพูดอยู่ว่า ‘วิถีทางของพระยาห์เวห์นั้นไม่ยุติธรรม’ ชาวอิสราเอลเอ๋ย วิถีทางของเราหรือการกระทำของเจ้ากันแน่ ที่ไม่ยุติธรรม[๓๐] ดังนั้น ครอบครัวชาวอิสราเอลเอ๋ย เราจะตัดสินเจ้าแต่ละคนตามการกระทำของเจ้า” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “กลับใจซะ ให้หันไปจากสิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่เจ้าทำ แล้วบาปจะไม่ทำให้เจ้าสะดุดล้ม[๓๑] ให้ทิ้งเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เจ้าได้ทำต่อเรา แล้วให้ไปเอาหัวใจดวงใหม่และจิตวิญญาณดวงใหม่ ครอบครัวชาวอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะตายทำไมเล่า[๓๒] เพราะเราไม่ได้ชอบใจกับความตายของใครเลย” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “กลับใจซะ แล้วมีชีวิตอยู่เถิด”[๓๓] พระยาห์เวห์สั่งผมว่า “ให้ร้องเพลงไว้อาลัยนี้ให้กับพวกเจ้าชายของอิสราเอลว่า |
|
เยเรมีย์ ๓๑:๑๗-๒๐ |
[๑๗] แล้วเจ้าก็จะมีความหวังให้กับอนาคตของเจ้า” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น “และลูกๆก็จะกลับเข้ามาในเขตแดนของพวกเขาเอง[๑๘] เราได้ยินเสียงร้องไห้ของเอฟราอิมจริงๆ เขาพูดว่า ‘พระองค์ตีสอนข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ถูกตีสอนเหมือนลูกวัวที่ยังไม่เชื่อง นำข้าพเจ้ากลับมาเถิดเพื่อข้าพเจ้าจะได้กลับมา เพราะพระองค์ พระยาห์เวห์ คือพระเจ้าของข้าพเจ้า[๑๙] เพราะหลังจากที่ข้าพเจ้าหันไปจากพระองค์ ข้าพเจ้าก็สำนึกผิด และเมื่อข้าพเจ้าได้รับการสอน ข้าพเจ้าก็ตบต้นขาตัวเองด้วยความละอาย ข้าพเจ้าละอายและอัปยศอดสู เพราะข้าพเจ้าได้แบกสิ่งที่ผิดๆที่น่าละอายที่ข้าพเจ้าได้ทำไปตอนเป็นเด็ก’”[๒๐] พระเจ้าพูดว่า “เอฟราอิมไม่ใช่ลูกที่รักของเราหรือ เขาไม่ใช่ลูกชายคนโปรดของเราหรือ ถึงเราจะด่าว่าเขาไว้มาก แต่เราก็ยังคิดถึงเขาได้เสมอ ส่วนลึกในเรานั้นมีแต่ความอบอุ่นให้เขา เราเมตตาเอ็นดูเขามากจริงๆ” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น |
|
ผู้วินิจฉัย ๑๐:๑-๑๘ |
[๑] หลังจากอาบีเมเลคตายแล้ว โทลาก็ขึ้นมาช่วยกู้คนอิสราเอล โทลาเป็นลูกชายของปูอาห์ ปูอาห์เป็นลูกของโดโด โทลามาจากเผ่าอิสสาคาร์ เขาอาศัยอยู่ที่ชามีร์ ในแถบเทือกเขาเอฟราอิม[๒] เขาเป็นผู้นำของอิสราเอลเป็นเวลายี่สิบสามปี แล้วก็ตายไป และศพของเขาถูกฝังอยู่ที่ชามีร์[๓] หลังจากโทลาตาย ยาอีร์ก็ขึ้นมาแทน เขาเป็นชาวกิเลอาด และเป็นผู้ตัดสินคดีให้กับอิสราเอลเป็นเวลายี่สิบสองปี[๔] เขามีลูกชายสามสิบคน ลูกทั้งสามสิบคนนี้ขี่ลาสามสิบตัว และดูแลเมืองสามสิบเมือง ที่อยู่ในแผ่นดินกิเลอาด (เมืองพวกนี้มีชื่อเรียกว่า พวกหมู่บ้านของยาอีร์ มาจนถึงทุกวันนี้)[๕] ยาอีร์ตายและถูกฝังที่เมืองคาโมน[๖] ชาวอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาพระยาห์เวห์อีก พวกเขาไปรับใช้พระบาอัล และพระอัชทาโรท รวมทั้งไปรับใช้พระต่างๆของชาวอาราม ชาวไซดอน ชาวโมอับ ชาวอัมโมน และชาวฟีลิสเตีย พวกเขาได้ละทิ้งพระยาห์เวห์ และไม่รับใช้พระองค์[๗] พระยาห์เวห์ก็เลยโกรธพวกชาวอิสราเอล พระองค์จึงขายชาวอิสราเอลให้ไปตกอยู่ในมือของชาวฟีลิสเตียและชาวอัมโมน[๘] พวกนี้จึงข่มเหงและบีบบังคับชาวอิสราเอล ตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา พวกนี้ได้ข่มเหงชาวอิสราเอลทั้งหมดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำจอร์แดน ในแผ่นดินของคนอาโมไรต์ ที่อยู่ในกิเลอาด เป็นเวลาถึงสิบแปดปี[๙] และชาวอัมโมนก็ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปสู้กับชาวยูดาห์ด้วย และยังไปสู้กับชาวเบนยามิน และชาวเมืองของเอฟราอิมด้วยเหมือนกัน ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงทุกข์ร้อนอย่างหนัก[๑๐] ชาวอิสราเอลจึงร้องต่อพระยาห์เวห์ว่า “พวกเราได้ทำบาปต่อพระองค์แล้ว ที่พวกเราได้ละทิ้งพระเจ้าของเราและไปรับใช้พระบาอัล”[๑๑] แล้วพระยาห์เวห์ได้พูดกับชาวอิสราเอลว่า “ไม่ใช่เราหรอกหรือ ที่ได้ช่วยกู้พวกเจ้าจากชาวอียิปต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวอัมโมน และชาวฟีลิสเตีย[๑๒] แล้วตอนที่พวกชาวไซดอน ชาวอามาเลค และชาวมาโอน ได้ข่มเหงเจ้า พวกเจ้าก็ได้ร้องขอให้เราช่วย และเราก็ได้ช่วยเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของพวกมัน[๑๓] แต่พวกเจ้าได้ละทิ้งเราไป และไปรับใช้พระอื่นๆ อย่างนั้นเราจะไม่ช่วยเจ้าอีกแล้ว[๑๔] ไปร้องขอความช่วยเหลือจากพระพวกนั้นที่เจ้าได้เลือกสิ ให้พวกมันมาช่วยพวกเจ้า ตอนที่พวกเจ้าทุกข์ร้อนอยู่นี้”[๑๕] ชาวอิสราเอลพูดกับพระยาห์เวห์ว่า “พวกเราทำบาปไปแล้ว พระองค์จะทำอะไรกับเราก็ได้ ที่พระองค์เห็นว่าสมควร แต่ตอนนี้ ได้โปรดช่วยเหลือพวกเราด้วยเถิด”[๑๖] พวกเขาก็เลยเอาพระของคนต่างชาติพวกนั้นไปโยนทิ้ง และหันกลับมารับใช้พระยาห์เวห์ แล้วพระยาห์เวห์ก็ใจอ่อน ทนไม่ไหวที่จะเห็นพวกอิสราเอลต้องทนทุกข์อีกต่อไป[๑๗] พวกชาวอัมโมนถูกเรียกให้มารวมตัวกันเพื่อทำสงคราม และพวกเขาตั้งค่ายอยู่ที่กิเลอาด ส่วนชาวอิสราเอลก็รวมตัวกัน และตั้งค่ายอยู่ที่มิสปาห์[๑๘] พวกผู้นำของกองทัพของกิเลอาดพูดกันว่า “ใครก็ตามที่นำหน้าพวกเราเข้าสู้รบกับชาวอัมโมน เขาก็จะได้เป็นหัวหน้าของชาวกิเลอาดทั้งหมด” |
|
โยบ ๔๒:๖ |
ข้าพเจ้าก็เลยขอถอนคดี และจะไม่นั่งในผงคลีและขี้เถ้านี้อีกแล้ว” |
|
โยเอล ๑:๑๐-๒๐ |
[๑๐] ไร่นาถูกทำลาย พื้นดินคร่ำครวญ ใช่แล้ว เมล็ดพืชถูกทำลาย เหล้าองุ่นใหม่เหือดแห้งไป น้ำมันมะกอกสดถูกใช้หมดแล้ว[๑๑] หมดหวังแล้ว ชาวไร่ชาวสวนทั้งหลาย ร้องไห้เถอะ ชาวไร่องุ่น ร้องไห้ให้กับข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ เพราะผลผลิตในไร่นาถูกทำลายหมดแล้ว[๑๒] ต้นองุ่นเหือดแห้งไป ต้นมะเดื่อเหี่ยวแห้งไป ต้นทับทิม แม้แต่ต้นอินทผลัม และต้นแอปเปิลรวมทั้งต้นไม้อื่นๆในไร่นาเหี่ยวแห้งไปหมดแล้ว ใช่แล้ว ความสุขสนุกสนานเหือดหายไปจากผู้คนด้วยเหมือนกัน[๑๓] พวกนักบวช ใส่เสื้อกระสอบ แล้วร้องไห้เถิด ท่านที่เตรียมของถวายที่แท่นบูชา ร้องไห้เถิด มาสิ พวกผู้รับใช้ของพระเจ้า ให้สวมใส่ชุดกระสอบข้ามคืน เพราะไม่มีอาหารและเครื่องดื่ม ที่จะเอาไปถวายในพระวิหารของพระเจ้าของเจ้าอีกต่อไปแล้ว[๑๔] ให้จัดเวลาสำหรับการอดอาหาร ให้เรียกประชุม ให้รวบรวมพวกผู้อาวุโส และประชาชนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้ ให้รวบรวมทุกคนมาที่พระวิหารของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเจ้า และให้พวกเขาร้องขอต่อพระยาห์เวห์[๑๕] วันนั้นจะเป็นวันที่เลวร้าย เพราะใกล้จะถึงวันของพระยาห์เวห์แล้ว และจะมีหายนะอันยิ่งใหญ่ ที่จะมาจากพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่[๑๖] มันเกิดต่อหน้าต่อตาของเราเลยไม่ใช่หรือ ที่ไม่มีอาหารเหลือแล้ว งานเฉลิมฉลองและความสุขไม่มีแล้วในพระวิหารของพระเจ้าของเรา[๑๗] ผลไม้ที่โผล่ออกมา ก็ฝ่อลีบไปภายใต้กลีบดอกของพวกมัน ยุ้งฉางถูกทำลาย โรงนาก็ถูกรื้อถอน เพราะเมล็ดพืชฝ่อลีบไปหมด[๑๘] ฝูงสัตว์เลี้ยงต่างร้องครวญคราง ฝูงวัวต่างก็เร่ร่อนไปมา เพราะไม่มีทุ่งหญ้าให้กับพวกมัน แม้แต่ฝูงแกะก็ยังถูกทอดทิ้ง[๑๙] พระยาห์เวห์เจ้าข้า ข้าพเจ้า ร้องขอความช่วยเหลือต่อพระองค์ เพราะไฟได้เผาผลาญทุ่งหญ้าของที่เปล่าเปลี่ยว และเปลวเพลิงได้เผาไหม้ต้นไม้ทั้งหมดในท้องทุ่ง[๒๐] แม้แต่สัตว์ป่าก็ยังส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์เพราะน้ำในลำธารได้แห้งขอดไป และไฟได้เผาผลาญทุ่งหญ้าของที่เปล่าเปลี่ยวไปหมดแล้ว |
|
โยนาห์ ๓:๙-๑๐ |
[๙] ถ้าทำอย่างนี้ ไม่แน่ บางทีพระเจ้าอาจจะเปลี่ยนใจ และหันจากความโกรธของพระองค์ที่กำลังเผาผลาญอยู่ต่อเราก็ได้ เพื่อพวกเราจะได้ไม่ต้องตาย”[๑๐] พระเจ้าเห็นสิ่งที่พวกเขาทำ พระองค์เห็นว่าพวกเขาได้หันไปจากทางชั่วของเขา พระเจ้าจึงเปลี่ยนใจ ไม่ลงโทษพวกเขาอย่างที่พระองค์บอกไว้ว่าจะทำ |
|
ลูกา ๑๕:๗ |
เราจะบอกให้รู้ว่า ในสวรรค์ก็เหมือนกัน เมื่อมีคนบาปคนหนึ่งกลับตัวกลับใจ ก็จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากกว่ามีคนดีเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องกลับตัวกลับใจ” |
|
มาระโก ๑:๑๕ |
พระองค์ประกาศว่า “ถึงเวลาแล้ว อาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว กลับตัวกลับใจเสียใหม่และเชื่อในข่าวดีนี้สิ” |
|
มัทธิว ๓:๖ |
พวกเขาสารภาพความผิดบาปทั้งหลายของตน และยอห์นทำพิธีจุ่มน้ำให้กับพวกเขาในแม่น้ำจอร์แดน |
|
มัทธิว ๑๑:๒๐-๒๔ |
[๒๐] แล้วพระเยซูก็เริ่มประณามเมืองต่างๆที่พระองค์ได้ทำการอัศจรรย์ไว้เป็นส่วนใหญ่ เพราะพวกเขาไม่ยอมกลับตัวกลับใจเสียใหม่[๒๑] พระเยซูพูดว่า “น่าละอายจริงๆเมืองโคราซินและเมืองเบธไซดา เพราะถ้าเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเมืองของเจ้านี้ ไปเกิดที่เมืองไทระและเมืองไซดอน คนที่นั่นก็คงกลับตัวกลับใจใส่ผ้ากระสอบและเอาขี้เถ้าโรยหัวไปนานแล้ว[๒๒] เราจะบอกให้รู้ว่า ในวันพิพากษานั้น โทษของพวกเจ้าที่อยู่ในสองเมืองนี้จะรุนแรงกว่าโทษของเมืองไทระและเมืองไซดอนเสียอีก[๒๓] ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้าคิดว่าเจ้าจะถูกยกขึ้นสูงเทียมฟ้าหรือ ไม่มีทาง เจ้าจะถูกโยนลงไปในแดนคนตายต่างหาก เพราะถ้าการอัศจรรย์ที่เราได้ทำให้เจ้าเห็นนี้ ไปทำที่เมืองโสโดม เมืองนั้นก็คงยังอยู่จนถึงทุกวันนี้[๒๔] เราจะบอกให้รู้ว่า ในวันตัดสินโทษนั้น โทษของเมืองโสโดมก็จะเบากว่าโทษของเจ้าเสียอีก” |
|
๑ เปโตร 4:17 |
ถึงเวลาสำหรับการตัดสินโทษแล้ว การตัดสินนั้นจะเริ่มต้นจากครอบครัวของพระเจ้าก่อน แล้วลองคิดดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ไม่เชื่อฟังข่าวดีจากพระเจ้า |
|
๑ เปโตร 5:10 |
พระเจ้าผู้เป็นแหล่งของความเมตตาทุกอย่างได้เรียกคุณผ่านทางพระเยซูคริสต์ ให้คุณเข้ามามีส่วนร่วมในเกียรติของพระองค์ที่ไม่มีวันหมด คุณจะต้องทนทุกข์อยู่ประเดี๋ยวหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นพระเจ้าก็จะช่วยให้คุณกลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์แบบ จะให้คุณเข้มแข็ง มีกำลังมากขึ้นและมั่นคง |
|
เอเฟซัส 1:18 |
ขอให้ตาใจของคุณสว่างไสวขึ้นมา เพื่อจะได้รู้ว่าพระเจ้าเรียกให้คุณมามีความหวังอะไร และรู้ด้วยว่ามรดกที่พระเจ้ามอบให้กับคนที่เป็นของพระองค์นั้น มันยิ่งใหญ่มหาศาลขนาดไหน |
|
โฮเชยา 6:2 |
หลังจากสองวันผ่านไปแล้ว พระองค์จะให้ชีวิตใหม่ ในวันที่สามนั้น พระองค์จะทำให้เรายืนขึ้น แล้วเราจะมีชีวิตอยู่ต่อหน้าพระองค์ |
|
อิสยาห์ 49:8 |
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “ในเวลาที่เราแสดงความเมตตา เราจะตอบคำอธิษฐานของเจ้า ในวันแห่งความรอด เราจะช่วยเจ้าและปกป้องเจ้า เราจะแต่งตั้งเจ้าให้เป็นตัวกลางแห่งคำสัญญาที่เรามีกับมนุษย์ เพื่อว่าเราจะได้ฟื้นฟูแผ่นดินขึ้นมาใหม่ และคืนแผ่นดินที่ถูกทำลายกลับไปให้เจ้าของเดิม |
|
เยเรมีย์ 33:11 |
เสียงร้องเพลง เสียงเฉลิมฉลอง และเสียงของเจ้าบ่าวเจ้าสาวอีกครั้งหนึ่ง จะได้ยินเสียงของผู้คนร้องว่า ‘สรรเสริญพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น เพราะว่าพระองค์แสนดี เพราะความรักของพระองค์นั้นอยู่ชั่วนิจนิรันดร์’ และจะได้ยินเสียงคนนำเครื่องถวายมาถวายเพื่อแสดงความขอบคุณในวิหารของพระยาห์เวห์อีกครั้งหนึ่ง เพราะเราจะพลิกสถานการณ์ของแผ่นดินนี้” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น |
|
สดุดี 51:12 |
โปรดคืนความชื่นชมยินดีที่ข้าพเจ้าได้รับตอนที่พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอด โปรดช่วยค้ำชูข้าพเจ้าโดยให้จิตวิญญาณที่เต็มใจเชื่อฟังพระองค์ |
|
สดุดี 71:20 |
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าเจอกับความทุกข์ยากและความเดือดร้อนหลายครั้ง โปรดให้ชีวิตใหม่กับข้าพเจ้าอีกที โปรดดึงข้าพเจ้าขึ้นมาจากที่เหวลึกของโลกอีกครั้ง |
|
โรม 6:4 |
ดังนั้นเมื่อเราจุ่มเข้าในความตายของพระเยซู ก็หมายถึงว่าเราถูกฝังร่วมกับพระองค์แล้ว เพื่อเราจะมีวิถีชีวิตใหม่เหมือนกับที่พระคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตาย โดยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระบิดา |
|
เพลงคร่ำครวญ ๕:๒๐-๒๑ |
[๒๐] ทำไมพระองค์ถึงได้ลืมเราอยู่อย่างนี้ ทำไมพระองค์ถึงได้ทอดทิ้งพวกเรานานขนาดนี้[๒๑] พระยาห์เวห์เจ้าข้า โปรดนำเรากลับมาหาพระองค์ด้วย เพื่อว่าเราจะได้กลับมาหาพระองค์ โปรดทำให้ชีวิตของเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมด้วยเถิด |
|
มาลาคี ๔:๕-๖ |
[๕] พระยาห์เวห์พูดว่า “ดูสิ เรากำลังส่งเอลียาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้ามาให้กับเจ้า เขาจะมาก่อนวันอันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวของพระยาห์เวห์จะมาถึง[๖] และเอลียาห์ก็จะทำให้จิตใจของพ่อหันไปหาลูก และจิตใจของลูกหันไปหาพ่อ ถ้าสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น เราก็จะมาและตีแผ่นดินนี้ด้วยคำสาปแช่ง” |
|
สดุดี ๘๐:๑๗-๑๙ |
[๑๗] ขอให้มือของพระองค์หนุนคนที่พระองค์เลือกสรรไว้ คือผู้ที่พระองค์ได้เลี้ยงดูให้แข็งแรงเป็นของพระองค์เอง[๑๘] แล้วพวกเราจะได้ไม่หันเหไปจากพระองค์ ขอพระองค์ให้ชีวิตใหม่กับพวกเรา เพื่อพวกเราจะได้สรรเสริญชื่อของพระองค์[๑๙] ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ช่วยทำให้เราเข้มแข็งเหมือนเดิมด้วยเถิด ช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงมาบนพวกเราและช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด |
|
Thai Bible (ERV) 2001 |
Copyright © 2001 by Bible League International |