โคโลสี ๓:๑๗-๒๓ |
[๑๗] และเมื่อท่านจะกระทำสิ่งใดด้วยวาจาหรือด้วยกายก็ตาม จงกระทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูเจ้า และขอบพระคุณพระบิดาเจ้า โดยพระองค์นั้น[๑๘] ฝ่ายภรรยาจงยอมฟังสามีของตน ซึ่งเป็นการสมควรในองค์พระผู้เป็นเจ้า[๑๙] ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน และอย่ามีใจขมขื่นต่อนาง[๒๐] ฝ่ายบุตรทั้งหลายจงเชื่อฟังบิดามารดาของตนทุกอย่าง เพราะการนี้เป็นที่ชอบพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า[๒๑] ฝ่ายบิดา ก็อย่ายั่วบุตรของตนให้ขัดเคืองใจ เกรงว่าเขาจะท้อใจ[๒๒] ฝ่ายพวกทาส จงเชื่อฟังผู้ที่เป็นนายของตนตามเนื้อหนังทุกอย่าง ไม่ใช่ตามอย่างคนที่ทำแต่ต่อหน้า อย่างคนประจบสอพลอ แต่ทำด้วยน้ำใสใจจริง ด้วยความเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้า[๒๓] ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนกระทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนกระทำแก่มนุษย์ |
|
ปัญญาจารย์ ๙:๑๐ |
มือของเจ้าจับทำการงานอะไร จงกระทำการนั้นด้วยเต็มกำลังของเจ้า เพราะว่าในแดนคนตายที่เจ้าจะไปนั้น ไม่มีการงานหรือแนวความคิด หรือความรู้ หรือสติปัญญา |
|
๑ ทิโมธี ๕:๘ |
ถ้าแม้ผู้ใดไม่เลี้ยงดูวงศ์ญาติของตน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในบ้านเรือนของตน ผู้นั้นก็ได้ปฏิเสธพระศาสนาเสียแล้ว และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่ได้เชื่อเสียอีก |
|
ปฐมกาล ๒:๑๕ |
พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอยู่ในสวนเอเดน ให้ทำและรักษาสวน |
|
ลูกา 16:10 |
“คนที่สัตย์ซื่อในของเล็กน้อยจะสัตย์ซื่อในของมากด้วย และคนที่อสัตย์ในของเล็กน้อย จะอสัตย์ในของมากเช่นกัน |
|
สุภาษิต 10:4 |
มือที่หย่อนเป็นเหตุให้เกิดความยากจน แต่มือที่ขยันขันแข็งกระทำให้มั่งคั่ง |
|
สุภาษิต ๑๐:๕ |
บุตรชายที่ส่ำสมไว้ในฤดูแล้งก็เป็นคนหยั่งรู้ แต่บุตรชายผู้หลับในฤดูเกี่ยวก็นำความอับอายมา |
|
สุภาษิต 12:11 |
บุคคลที่ไถนาของตนจะมีอาหารอุดม แต่บุคคลที่ติดตามการงานที่ไร้ค่า ย่อมไม่มีสามัญสำนึก |
|
สุภาษิต ๑๒:๒๔ |
มือของคนที่ขยันขันแข็งจะครอบครอง ฝ่ายคนเกียจคร้านจะถูกบังคับให้ทำงานโยธา |
|
สุภาษิต ๑๓:๔ |
วิญญาณของคนเกียจคร้านยังอยากอยู่ แต่ไม่ได้อะไรเลย ฝ่ายวิญญาณของคนขยันจะอ้วนพี |
|
สุภาษิต ๑๔:๒๓ |
มีกำไรอยู่ในงานทุกอย่าง การเพียงแต่พูดนั้นโน้มไปทางความขาดแคลน |
|
สุภาษิต ๑๙:๑๕ |
ความเกียจคร้านทำให้หลับสนิท และคนขี้เกียจจะต้องหิว |
|
สุภาษิต 20:4 |
คนเกียจคร้านไม่ไถนาในหน้านา เขาจะแสวงหาเมื่อถึงฤดูเกี่ยวแต่ไม่พบอะไรเลย |
|
สุภาษิต ๖:๖ |
คนเกียจคร้านเอ๋ย ไปหามดไป๊ พิเคราะห์ดูทางของมัน และจงฉลาด |
|
สุภาษิต ๒๖:๑๕ |
คนเกียจคร้านฝังมือของเขาไว้ในชาม เขาเหน็ดเหนื่อยที่จะนำมือกลับมาที่ปากของตน |
|
เอเฟซัส ๕:๑๕-๑๗ |
[๑๕] เหตุฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา[๑๖] จงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว[๑๗] เหตุฉะนั้นอย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงเข้าใจน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นอย่างไร |
|
สุภาษิต ๖:๙-๑๒ |
[๙] คนเกียจคร้านเอ๋ย เจ้าจะนอนนานเท่าใด เมื่อไรเจ้าจะลุกขึ้นจากหลับ[๑๐] หลับนิด เคลิ้มหน่อย กอดมือพักนิดหน่อย[๑๑] และความจนจะมาเหนือเจ้าอย่างคนจร และความขัดสน อย่างคนถืออาวุธ[๑๒] คนไร้ค่า คือคนชั่วร้าย ที่เที่ยวไปด้วยวาจาคดเคี้ยว |
|
๒ เธสะโลนิกา ๓:๖-๑๐ |
[๖] ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย เราขอกำชับท่านในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าของเราว่า จงปลีกตัวของท่านออกไปจากพี่น้องทุกคนที่อยู่อย่างเกียจคร้าน และไม่ประพฤติตามโอวาทซึ่งท่านได้รับจากเรา[๗] เพราะว่าตัวท่านเองก็รู้อยู่ว่า ท่านควรจะเอาอย่างเรา เรามิได้เกียจคร้านเลยเมื่อเราอยู่ในหมู่พวกท่าน[๘] และเรามิได้รับอาหารจากมือผู้ใดเป็นของกำนัล แต่เราได้ทำการหนักด้วยความพากเพียรทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อจะไม่เป็นภาระแก่คนหนึ่งคนใดในพวกท่าน[๙] มิใช่เพราะเราไม่มีสิทธิ์ แต่ว่าเพื่อทำตัวเป็นแบบอย่างให้ท่านทั้งหลายทำตาม[๑๐] แม้เมื่อเราอยู่กับพวกท่าน เราก็ได้กำชับอย่างนี้ว่า ถ้าผู้ใดไม่ยอมทำงาน ก็อย่าให้เขากิน |
|
สุภาษิต ๒๔:๓๐-๓๔ |
[๓๐] เราผ่านไปที่ไร่นาของคนเกียจคร้าน ข้างสวนองุ่นของคนที่ไร้สามัญสำนึก[๓๑] และนี่แน่ะ มีตำแยงอกเต็มไปหมด และแผ่นดินก็เต็มไปด้วยต้นเหงือกหนาม และกำแพงหินของมันก็พังลง[๓๒] แล้วเราได้เห็นและพิเคราะห์ดู เรามองดูและได้รับคำสั่งสอน[๓๓] “หลับนิด เคลิ้มหน่อย กอดมือพักนิดหน่อย”[๓๔] แล้วความจนจะมาหาเจ้าอย่างขโมย ความขัดสนอย่างคนถืออาวุธ |
|
มัทธิว 25:24-29 |
[24] ฝ่ายคนที่ได้รับตะลันต์เดียวมาชี้แจงด้วยว่า ‘นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจแข็ง เกี่ยวผลที่ท่านมิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่ท่านมิได้โปรย[25] ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูเถิด นี่แหละเงินของท่าน’[26] นายจึงตอบว่า ‘อ้ายข้าชั่วช้าและเกียจคร้าน เจ้าก็รู้หรือว่าเราเกี่ยวที่เรามิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่เรามิได้โปรย[27] เหตุฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากไว้ที่ธนาคาร เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเราทั้งดอกเบี้ยด้วย[28] เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์[29] ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นจนมีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่ไม่มี แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่ก็จะต้องเอาไปจากเขา |
|
Thai Bible (TH1971) |
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 |