๑ |
บทเพลงมัสคิลของอาสาฟ คนของเราเอ๋ย ให้ฟังคำสั่งสอนของเรา เอียงหูของเจ้ามาฟังคำพูดต่างๆที่ออกมาจากปากของเรา |
๒ |
เราจะอ้าปากร้องเพลงที่ก่อให้เกิดสติปัญญา เราจะอธิบายบทเรียนต่างๆที่ได้จากเหตุการณ์ทั้งหลายในอดีต |
๓ |
ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเราเคยได้ยินและรู้จักกันดี เพราะพ่อแม่และคนรุ่นก่อนๆได้เล่าให้พวกเราฟัง |
๔ |
พวกเราจะไม่ซ่อนเรื่องเหล่านี้ไปจากลูกหลานของพวกเขา พวกเราจะเล่าให้กับคนรุ่นต่อไปฟัง ถึงการกระทำอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์ ถึงพลังอำนาจของพระองค์และถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ได้ทำ |
๕ |
พระเจ้าทำข้อตกลงไว้กับยาโคบ พระองค์ให้กฎกับชาวอิสราเอลทำตาม และพระองค์สั่งบรรพบุรุษของพวกเรา ให้สั่งสอนสิ่งเหล่านี้กับลูกๆของพวกเขา |
๖ |
เพื่อว่าคนรุ่นต่อไป คือเด็กที่ยังไม่ได้เกิดมาจะได้รู้ถึงสิ่งเหล่านี้ และเมื่อพวกเขาโตขึ้น พวกเขาจะได้เล่าเรื่องเหล่านี้ให้กับลูกๆของพวกเขาฟัง |
๗ |
แล้วพวกเขาจะได้ไว้วางใจในพระเจ้า และไม่ลืมสิ่งต่างๆที่พระเจ้าทำ แต่จะรักษาคำสั่งต่างๆของพระองค์ไว้ |
๘ |
พวกเขาจะได้ไม่เป็นเหมือนบรรพบุรุษของพวกเขา ซึ่งเป็นรุ่นที่กบฏและไม่เชื่อฟัง ซึ่งใจของพวกเขาไม่ได้มั่นคงในพระเจ้า และจิตวิญญาณของพวกเขาไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ |
๙ |
เช่น คนเอฟราอิมที่มีธนู พร้อมมือ แต่กลับวิ่งหนีในวันที่การสู้รบมาถึง |
๑๐ |
พวกเขาไม่ได้รักษาข้อตกลงที่ทำไว้กับพระเจ้า พวกเขาไม่ยอมทำตามกฎต่างๆของพระองค์ |
๑๑ |
พวกเขาลืมสิ่งต่างๆที่พระองค์ทำไป คือสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ทำให้พวกเขาเห็น |
๑๒ |
พระเจ้าทำสิ่งน่าทึ่งต่างๆต่อหน้าต่อตาบรรพบุรุษของพวกเขา ในแคว้นโศอันในแผ่นดินอียิปต์ |
๑๓ |
พระเจ้าแหวกทะเลออกและนำพวกเขาเดินทะลุไป พระองค์ทำให้น้ำตั้งขึ้นเหมือนกำแพงทั้งสองข้าง |
๑๔ |
พระองค์นำทางพวกเขาด้วยเมฆในตอนกลางวัน และนำด้วยแสงไฟตลอดคืน |
๑๕ |
พระองค์ทุบหินในทะเลทรายแยกออก และน้ำก็ไหลพุ่งออกมามากมายให้พวกเขาดื่มเหมือนกับมาจากทะเลลึก |
๑๖ |
พระองค์ทำให้พวกลำธารไหลออกมาจากหินผา พระองค์ทำให้น้ำไหลเหมือนพวกแม่น้ำ |
๑๗ |
แต่พวกบรรพบุรุษยังคงทำบาปต่อพระองค์ต่อไป และกบฏต่อพระองค์ผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดในแผ่นดินที่แห้งแล้งนั้น |
๑๘ |
แล้วพวกเขาตั้งใจลองดีพระเจ้า พวกเขาขออาหารเพื่อสนองความอยากของตน |
๑๙ |
พวกเขาพูดต่อว่าพระเจ้าว่า “ในที่เปล่าเปลี่ยวอย่างนี้ พระเจ้าสามารถหาอาหารให้กับพวกเราได้หรือ |
๒๐ |
ถึงแม้พระองค์ทุบหินให้น้ำไหลออกมาจนล้นหุบเหวลึกได้ แต่พระองค์จะมีปัญญาหาอาหารมาให้ได้จริงๆหรือ พระองค์จะเอาเนื้อมาให้คนของพระองค์กินด้วยได้หรือ” |
๒๑ |
เมื่อพระยาห์เวห์ได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็โกรธ และไฟก็ปะทุขึ้นใส่คนของยาโคบ ความโกรธของพระองค์เผาอิสราเอล |
๒๒ |
เพราะพวกเขาไม่ได้ไว้วางใจในพระเจ้า และไม่เชื่อว่า พระองค์มีฤทธิ์ที่จะช่วยพวกเขาให้รอดได้ |
๒๓ |
แล้วพระเจ้าก็ประกาศสั่งเมฆบนฟ้าเบื้องบน และพระองค์เปิดประตูท้องฟ้า |
๒๔ |
แล้วพระองค์ก็เทมานาลงมาให้พวกเขากิน พระองค์ให้อาหารทิพย์จากสวรรค์กับพวกเขา |
๒๕ |
คนพวกนี้พากันกินขนมปังของพวกเทพเจ้า พระองค์ให้อาหารพวกเขากินอย่างอิ่มหมีพีมัน |
๒๖ |
แล้วพระเจ้าก็ทำให้ลมจากทิศ-ตะวันออกเฉียงใต้พัดมาตรงที่พวกเขาอยู่ และให้ฝูงนกตกลงมาจากท้องฟ้า |
๒๗ |
พระองค์เทเนื้อลงบนพวกเขาอย่างพายุฝุ่น มีนกมากมายเหมือนเม็ดทรายที่ชายทะเล |
๒๘ |
นกพวกนี้ตกลงไปในค่าย รอบๆเต็นท์ของพวกเขา |
๒๙ |
พระเจ้าให้สิ่งที่พวกเขาอยากได้ และพวกเขาก็กินจนอิ่มตื้อ |
๓๐ |
แต่ในระหว่างที่เขายังกินอาหารที่อยากกินอยู่นั้น ขณะที่มันยังคาอยู่ในปาก |
๓๑ |
จู่ๆความโกรธของพระเจ้าก็พลุ่งขึ้นใส่พวกเขา พระองค์ฆ่าคนที่แข็งแรงที่สุดของพวกเขาบางคน พระองค์โค่นพวกคนหนุ่มที่ดีที่สุดของอิสราเอล |
๓๒ |
ขนาดเกิดเรื่องอย่างนี้แล้ว พวกเขาก็ยังคงทำบาป และยังไม่ยอมเชื่อในฤทธิ์อันน่าทึ่งของพระเจ้า |
๓๓ |
พระองค์ทำให้ชีวิตของพวกเขาจบลงอย่างล้มเหลว เดือนปีของเขาจบลงด้วยความหวาดกลัวและสั่นเทิ้ม |
๓๔ |
เมื่อไหร่ก็ตามที่พระเจ้าฆ่าคนเหล่านั้น คนที่เหลือก็จะมาขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พวกเขาจะกลับมาหาพระองค์และแสวงหาพระเจ้าด้วยใจร้อนรน |
๓๕ |
พวกเขาจะระลึกได้ว่าพระเจ้าเป็นหินกำบังของพวกเขา พระเจ้าผู้สูงสุดเป็นผู้ที่ไถ่ชีวิตของพวกเขา |
๓๖ |
พวกเขาพยายามหลอกพระองค์ด้วยปาก และโกหกพระองค์ด้วยลิ้น |
๓๗ |
พวกเขาไม่จริงใจต่อพระเจ้า และไม่สัตย์ซื่อต่อข้อตกลงที่ทำไว้กับพระองค์ |
๓๘ |
แต่พระเจ้านั้นมีความเมตตา พระองค์ลบความผิดของพวกเขาออกไป พระองค์ไม่ได้ทำลายล้างพวกเขา พระองค์ระงับความโกรธของพระองค์ไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า พระองค์ไม่ยอมกวนความโกรธของพระองค์ให้พลุ่งขึ้นมา |
๓๙ |
พระเจ้าระลึกอยู่เสมอว่าพวกเขาเป็นแค่มนุษย์ พวกเขาเป็นเหมือนกับลมที่พัดผ่านไปและไม่หวนกลับมาอีก |
๔๐ |
พวกเขากบฏต่อพระองค์หลายครั้งหลายคราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น พวกเขาทำให้พระองค์เสียใจในดินแดนนั้น |
๔๑ |
พวกเขาลองดีกับพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า และทำให้องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลต้องเจ็บปวดใจ |
๔๒ |
พวกเขาไม่เคยจดจำฤทธิ์อำนาจของพระองค์ หรือจดจำวันที่พระองค์ช่วยกู้พวกเขาให้รอดพ้นจากศัตรู |
๔๓ |
หรือเวลาที่พระองค์ได้ทำการอัศจรรย์ในประเทศอียิปต์ หรือที่พระองค์ได้แสดงสิ่งน่าทึ่งต่างๆในแคว้นโศอัน |
๔๔ |
พระองค์เปลี่ยนแม่น้ำให้กลายเป็นเลือด พวกเขาจึงไม่สามารถดื่มน้ำจากลำธารได้ |
๔๕ |
พระองค์ให้เหลือบมากัดพวกเขา และส่งกบทั้งหลายมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง |
๔๖ |
พระองค์ยกพืชผลของพวกเขาให้กับตั๊กแตนวัยคลาน และยกผลผลิตของพวกเขาให้กับตั๊กแตนวัยบิน |
๔๗ |
พระองค์ทำให้ลูกเห็บตกลงมาทำลายเถาองุ่นของชาวอียิปต์ พระองค์ทำให้ฝนตกห่าใหญ่ทำลายผลมะเดื่อของพวกเขา |
๔๘ |
พระองค์ส่งลูกเห็บลงมาฆ่าฝูงวัวของพวกเขา และให้ฟ้าผ่าฝูงสัตว์ของเขา |
๔๙ |
พระองค์แสดงความเคืองแค้นอันร้อนแรงของพระองค์ต่อชนชาวอียิปต์ พระองค์ส่ง ความเกรี้ยวโกรธ ความเดือดดาล และความอาฆาตแค้นเป็นคณะทูตมาทำลายล้างพวกเขา |
๕๐ |
พระองค์ระบายความโกรธของพระองค์ออกมาอย่างเต็มที่ พระองค์ไม่ได้ไว้ชีวิตของชาวอียิปต์แต่กลับยกพวกเขาให้ตายด้วยโรคระบาด |
๕๑ |
พระเจ้าฆ่าลูกชายหัวปีทั้งหมดในอียิปต์ พระองค์ทำลายสิ่งที่พิสูจน์ถึงความเป็นชายของครอบครัวทั้งหลายของฮาม |
๕๒ |
แต่พระเจ้านำทางคนของพระองค์ออกจากที่นั่นเหมือนนำแกะ และพระองค์นำทางพวกเขาในที่เปล่าเปลี่ยวเหมือนนำฝูงสัตว์ |
๕๓ |
พระเจ้านำพวกเขาสู่ความปลอดภัย พวกเขาจึงไม่ต้องหวาดกลัว เพราะพระเจ้าทำให้ศัตรูของพวกเขาถูกน้ำทะเลซัดกลบตายหมด |
๕๔ |
แล้วพระเจ้าก็นำพวกเขาไปถึงพรมแดนของแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ คือดินแดนแห่งเนินเขาที่พระองค์ยึดมาด้วยมือขวาอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ |
๕๕ |
แล้วพระองค์ก็ขับไล่ชนชาติต่างๆออกไปต่อหน้าคนของพระองค์ พระองค์แบ่งปันดินแดนนั้นให้กับเผ่าต่างๆของอิสราเอลและให้พวกเขาตั้งถิ่นฐานอยู่ในบ้านทั้งหลายของศัตรู |
๕๖ |
แต่พวกอิสราเอลก็ยังลองดีกับพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด กบฏต่อพระองค์และไม่ได้เชื่อฟังกฎทั้งหลายของพระองค์ |
๕๗ |
ชาวอิสราเอลไม่จงรักภักดีและทรยศต่อพระเจ้า เหมือนกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาเคยทำ พวกเขาเชื่อถือไม่ได้เหมือนคันธนูที่ใช้การไม่ได้ |
๕๘ |
พวกเขาทำให้พระองค์โกรธด้วยการสร้างสถานศักดิ์สิทธิ์มากมาย และทำให้พระองค์หึงหวงด้วยการสร้างรูปเคารพมากมาย |
๕๙ |
เมื่อพระเจ้าได้ยินเรื่องเหล่านี้ พระองค์โกรธ และพระองค์ทอดทิ้งอิสราเอลอย่างสิ้นเชิง |
๖๐ |
พระองค์ละทิ้งเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองชิโลห์ไป ซึ่งเคยเป็นที่สถิตของพระองค์ท่ามกลางมนุษย์ |
๖๑ |
พระองค์ยอมปล่อยให้หีบอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ถูกยึดไป พระองค์ยอมปล่อยให้ศัตรูยึดเอาสัญลักษณ์แห่งฤทธิ์อำนาจและสง่าราศีของพระองค์ไป |
๖๒ |
พระองค์เกรี้ยวโกรธคนของพระองค์ และปล่อยให้คนของพระองค์ตายด้วยคมดาบ |
๖๓ |
พวกทหารหนุ่มถูกไฟเผาตายหมด และพวกสาวบริสุทธิ์ยังคงไม่ได้แต่งงาน |
๖๔ |
พวกนักบวชล้มตายด้วยคมดาบ แต่ภรรยาหม้ายของพวกเขาไม่สามารถไว้ทุกข์ได้ตามปกติ |
๖๕ |
แล้วองค์เจ้าชีวิตก็ตื่นขึ้นมาเหมือนคนที่เพิ่งตื่นนอน เหมือนกับนักรบที่เพิ่งตื่นขึ้นจากการเมาเหล้าองุ่น |
๖๖ |
พระองค์ตีเหล่าศัตรู ขับไล่พวกเขากลับไป และทำให้พวกเขาอับอายขายหน้าตลอดไป |
๖๗ |
แล้วพระองค์ทอดทิ้งครอบครัวของโยเซฟ และไม่ได้เลือกเผ่าของเอฟราอิม |
๖๘ |
แล้วพระองค์ก็เลือกเผ่ายูดาห์ขึ้นปกครอง และเลือกภูเขาศิโยนที่พระองค์รัก เป็นที่ตั้งของวิหาร |
๖๙ |
พระองค์สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เหมือนกับภูเขาสูงต่างๆ เหมือนโลกนี้ที่พระองค์ตั้งให้อยู่ตลอดไป |
๗๐ |
พระองค์เลือกดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ และเอาเขาออกมาจากคอกแกะทั้งหลาย |
๗๑ |
พระองค์เอาดาวิดมาจากการติดตามดูแลแม่แกะและลูกของมัน มาเป็นผู้เลี้ยงยาโคบคนของพระองค์ และเป็นผู้เลี้ยงอิสราเอลสมบัติของพระองค์ |
๗๒ |
ดาวิดดูแลพวกเขาด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ และนำพวกเขาด้วยมือที่ชำนาญยิ่ง |
Thai Bible (ERV) 2001 |
Copyright © 2001 by Bible League International |
สดุดี ๗๘:1 |
สดุดี ๗๘:2 |
สดุดี ๗๘:3 |
สดุดี ๗๘:4 |
สดุดี ๗๘:5 |
สดุดี ๗๘:6 |
สดุดี ๗๘:7 |
สดุดี ๗๘:8 |
สดุดี ๗๘:9 |
สดุดี ๗๘:10 |
สดุดี ๗๘:11 |
สดุดี ๗๘:12 |
สดุดี ๗๘:13 |
สดุดี ๗๘:14 |
สดุดี ๗๘:15 |
สดุดี ๗๘:16 |
สดุดี ๗๘:17 |
สดุดี ๗๘:18 |
สดุดี ๗๘:19 |
สดุดี ๗๘:20 |
สดุดี ๗๘:21 |
สดุดี ๗๘:22 |
สดุดี ๗๘:23 |
สดุดี ๗๘:24 |
สดุดี ๗๘:25 |
สดุดี ๗๘:26 |
สดุดี ๗๘:27 |
สดุดี ๗๘:28 |
สดุดี ๗๘:29 |
สดุดี ๗๘:30 |
สดุดี ๗๘:31 |
สดุดี ๗๘:32 |
สดุดี ๗๘:33 |
สดุดี ๗๘:34 |
สดุดี ๗๘:35 |
สดุดี ๗๘:36 |
สดุดี ๗๘:37 |
สดุดี ๗๘:38 |
สดุดี ๗๘:39 |
สดุดี ๗๘:40 |
สดุดี ๗๘:41 |
สดุดี ๗๘:42 |
สดุดี ๗๘:43 |
สดุดี ๗๘:44 |
สดุดี ๗๘:45 |
สดุดี ๗๘:46 |
สดุดี ๗๘:47 |
สดุดี ๗๘:48 |
สดุดี ๗๘:49 |
สดุดี ๗๘:50 |
สดุดี ๗๘:51 |
สดุดี ๗๘:52 |
สดุดี ๗๘:53 |
สดุดี ๗๘:54 |
สดุดี ๗๘:55 |
สดุดี ๗๘:56 |
สดุดี ๗๘:57 |
สดุดี ๗๘:58 |
สดุดี ๗๘:59 |
สดุดี ๗๘:60 |
สดุดี ๗๘:61 |
สดุดี ๗๘:62 |
สดุดี ๗๘:63 |
สดุดี ๗๘:64 |
สดุดี ๗๘:65 |
สดุดี ๗๘:66 |
สดุดี ๗๘:67 |
สดุดี ๗๘:68 |
สดุดี ๗๘:69 |
สดุดี ๗๘:70 |
สดุดี ๗๘:71 |
สดุดี ๗๘:72 |
สดุดี 1 / สดุดี 1 |
สดุดี 2 / สดุดี 2 |
สดุดี 3 / สดุดี 3 |
สดุดี 4 / สดุดี 4 |
สดุดี 5 / สดุดี 5 |
สดุดี 6 / สดุดี 6 |
สดุดี 7 / สดุดี 7 |
สดุดี 8 / สดุดี 8 |
สดุดี 9 / สดุดี 9 |
สดุดี 10 / สดุดี 10 |
สดุดี 11 / สดุดี 11 |
สดุดี 12 / สดุดี 12 |
สดุดี 13 / สดุดี 13 |
สดุดี 14 / สดุดี 14 |
สดุดี 15 / สดุดี 15 |
สดุดี 16 / สดุดี 16 |
สดุดี 17 / สดุดี 17 |
สดุดี 18 / สดุดี 18 |
สดุดี 19 / สดุดี 19 |
สดุดี 20 / สดุดี 20 |
สดุดี 21 / สดุดี 21 |
สดุดี 22 / สดุดี 22 |
สดุดี 23 / สดุดี 23 |
สดุดี 24 / สดุดี 24 |
สดุดี 25 / สดุดี 25 |
สดุดี 26 / สดุดี 26 |
สดุดี 27 / สดุดี 27 |
สดุดี 28 / สดุดี 28 |
สดุดี 29 / สดุดี 29 |
สดุดี 30 / สดุดี 30 |
สดุดี 31 / สดุดี 31 |
สดุดี 32 / สดุดี 32 |
สดุดี 33 / สดุดี 33 |
สดุดี 34 / สดุดี 34 |
สดุดี 35 / สดุดี 35 |
สดุดี 36 / สดุดี 36 |
สดุดี 37 / สดุดี 37 |
สดุดี 38 / สดุดี 38 |
สดุดี 39 / สดุดี 39 |
สดุดี 40 / สดุดี 40 |
สดุดี 41 / สดุดี 41 |
สดุดี 42 / สดุดี 42 |
สดุดี 43 / สดุดี 43 |
สดุดี 44 / สดุดี 44 |
สดุดี 45 / สดุดี 45 |
สดุดี 46 / สดุดี 46 |
สดุดี 47 / สดุดี 47 |
สดุดี 48 / สดุดี 48 |
สดุดี 49 / สดุดี 49 |
สดุดี 50 / สดุดี 50 |
สดุดี 51 / สดุดี 51 |
สดุดี 52 / สดุดี 52 |
สดุดี 53 / สดุดี 53 |
สดุดี 54 / สดุดี 54 |
สดุดี 55 / สดุดี 55 |
สดุดี 56 / สดุดี 56 |
สดุดี 57 / สดุดี 57 |
สดุดี 58 / สดุดี 58 |
สดุดี 59 / สดุดี 59 |
สดุดี 60 / สดุดี 60 |
สดุดี 61 / สดุดี 61 |
สดุดี 62 / สดุดี 62 |
สดุดี 63 / สดุดี 63 |
สดุดี 64 / สดุดี 64 |
สดุดี 65 / สดุดี 65 |
สดุดี 66 / สดุดี 66 |
สดุดี 67 / สดุดี 67 |
สดุดี 68 / สดุดี 68 |
สดุดี 69 / สดุดี 69 |
สดุดี 70 / สดุดี 70 |
สดุดี 71 / สดุดี 71 |
สดุดี 72 / สดุดี 72 |
สดุดี 73 / สดุดี 73 |
สดุดี 74 / สดุดี 74 |
สดุดี 75 / สดุดี 75 |
สดุดี 76 / สดุดี 76 |
สดุดี 77 / สดุดี 77 |
สดุดี 78 / สดุดี 78 |
สดุดี 79 / สดุดี 79 |
สดุดี 80 / สดุดี 80 |
สดุดี 81 / สดุดี 81 |
สดุดี 82 / สดุดี 82 |
สดุดี 83 / สดุดี 83 |
สดุดี 84 / สดุดี 84 |
สดุดี 85 / สดุดี 85 |
สดุดี 86 / สดุดี 86 |
สดุดี 87 / สดุดี 87 |
สดุดี 88 / สดุดี 88 |
สดุดี 89 / สดุดี 89 |
สดุดี 90 / สดุดี 90 |
สดุดี 91 / สดุดี 91 |
สดุดี 92 / สดุดี 92 |
สดุดี 93 / สดุดี 93 |
สดุดี 94 / สดุดี 94 |
สดุดี 95 / สดุดี 95 |
สดุดี 96 / สดุดี 96 |
สดุดี 97 / สดุดี 97 |
สดุดี 98 / สดุดี 98 |
สดุดี 99 / สดุดี 99 |
สดุดี 100 / สดุดี 100 |
สดุดี 101 / สดุดี 101 |
สดุดี 102 / สดุดี 102 |
สดุดี 103 / สดุดี 103 |
สดุดี 104 / สดุดี 104 |
สดุดี 105 / สดุดี 105 |
สดุดี 106 / สดุดี 106 |
สดุดี 107 / สดุดี 107 |
สดุดี 108 / สดุดี 108 |
สดุดี 109 / สดุดี 109 |
สดุดี 110 / สดุดี 110 |
สดุดี 111 / สดุดี 111 |
สดุดี 112 / สดุดี 112 |
สดุดี 113 / สดุดี 113 |
สดุดี 114 / สดุดี 114 |
สดุดี 115 / สดุดี 115 |
สดุดี 116 / สดุดี 116 |
สดุดี 117 / สดุดี 117 |
สดุดี 118 / สดุดี 118 |
สดุดี 119 / สดุดี 119 |
สดุดี 120 / สดุดี 120 |
สดุดี 121 / สดุดี 121 |
สดุดี 122 / สดุดี 122 |
สดุดี 123 / สดุดี 123 |
สดุดี 124 / สดุดี 124 |
สดุดี 125 / สดุดี 125 |
สดุดี 126 / สดุดี 126 |
สดุดี 127 / สดุดี 127 |
สดุดี 128 / สดุดี 128 |
สดุดี 129 / สดุดี 129 |
สดุดี 130 / สดุดี 130 |
สดุดี 131 / สดุดี 131 |
สดุดี 132 / สดุดี 132 |
สดุดี 133 / สดุดี 133 |
สดุดี 134 / สดุดี 134 |
สดุดี 135 / สดุดี 135 |
สดุดี 136 / สดุดี 136 |
สดุดี 137 / สดุดี 137 |
สดุดี 138 / สดุดี 138 |
สดุดี 139 / สดุดี 139 |
สดุดี 140 / สดุดี 140 |
สดุดี 141 / สดุดี 141 |
สดุดี 142 / สดุดี 142 |
สดุดี 143 / สดุดี 143 |
สดุดี 144 / สดุดี 144 |
สดุดี 145 / สดุดี 145 |
สดุดี 146 / สดุดี 146 |
สดุดี 147 / สดุดี 147 |
สดุดี 148 / สดุดี 148 |
สดุดี 149 / สดุดี 149 |
สดุดี 150 / สดุดี 150 |
|
|
|
|
|