๑ พงศาวดาร ๒๓:๑-๓๒ |
๑. เมื่อดาวิดแก่ตัวลงและใกล้จะตาย เขาได้ให้ซาโลมอนลูกชายของเขาขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล |
๒. ดาวิดได้รวบรวมพวกผู้นำของอิสราเอลทั้งหมดและบรรดานักบวชรวมทั้งชาวเลวี |
๓. ดาวิดได้นับจำนวนชาวเลวีที่มีอายุสามสิบปีขึ้นไปได้ทั้งหมดสามหมื่นแปดพันคน |
๔. ในจำนวนนี้มีสองหมื่นสี่พันคนที่จะต้องอยู่คอยกำกับดูแลงานภายในบ้านของพระยาห์เวห์ อีกหกพันคนเป็นพวกเจ้าหน้าที่ในศาลและพวกผู้พิพากษา |
๕. อีกสี่พันคนเป็นคนเฝ้าประตู และอีกสี่พันคนที่เหลือทำหน้าที่สรรเสริญพระยาห์เวห์ด้วยเครื่องดนตรีที่ดาวิดได้สร้างไว้สำหรับการสรรเสริญพระยาห์เวห์ |
๖. และดาวิดได้สั่งงานให้แก่พวกเขาโดยแยกพวกเขาออกเป็นสามกลุ่ม ตามจำนวนลูกชายสามคนของเลวี คือ เกอร์โชม โคฮาทและเมรารี |
๗. คนที่มาจากชาวเกอร์โชมคือ ลาดานและชิเมอี |
๘. ลูกชายของลาดานมีสามคนคือ เยฮีเอลที่เป็นหัวหน้า เศธามและโยเอล |
๙. ลูกชายของชิเมอีมีสามคนคือ เชโลโมท ฮาซีเอลและฮาราน คนเหล่านี้ล้วนเป็นพวกหัวหน้าของตระกูลลาดาน |
๑๐. และเหล่าลูกชายของชิเมอีประกอบด้วย ยาหาท ศินา เยอูชและเบรียาห์ ทั้งสี่คนนี้คือลูกชายของชิเมอี |
๑๑. และยาหาทได้เป็นหัวหน้า รองลงมาคือศิซาห์ แต่เยอูชและเบรียาห์มีลูกชายไม่กี่คน ดังนั้นพวกเขาจึงถูกนับรวมเป็นตระกูลเดียวกันให้ทำงานอย่างเดียวกัน |
๑๒. เหล่าลูกชายของโคฮาทมีสี่คน คือ อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรนและอุสซีเอล |
๑๓. บรรดาลูกชายของอัมรามคืออาโรนและโมเสส อาโรนถูกแยกออกมา เขาและลูกหลานของเขาถูกสงวนไว้ตลอดไป เพื่อทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เพื่อเผาเครื่องสัตวบูชาต่อหน้าพระยาห์เวห์ เพื่อรับใช้พระองค์และให้คำอวยพรในนามของพระองค์ตลอดไป |
๑๔. ส่วนโมเสสซึ่งเป็นคนของพระเจ้า พวกลูกชายของเขาถูกนับรวมเข้ากับเผ่าของเลวี |
๑๕. ลูกชายของโมเสสคือ เกอร์โชมและเอลีเยเซอร์ |
๑๖. ลูกชายของเกอร์โชมคือ เชบูเอลที่ได้เป็นหัวหน้า |
๑๗. ลูกชายของเอลีเอเซอร์คือเรหับยาห์ที่เป็นหัวหน้า เอลีเยเซอร์ไม่มีลูกชายคนอื่นๆอีกเลย แต่เรหับยาห์มีลูกชายหลายคน |
๑๘. ลูกชายของอิสฮาร์ คือ เชโลมิทที่เป็นหัวหน้า |
๑๙. ลูกชายของเฮโบรนคือ เยรียาห์ที่เป็นหัวหน้า รองลงมาคืออามาริยาห์ คนที่สามคือยาฮาซีเอลและคนที่สี่คือเยคาเมอัม |
๒๐. ลูกชายของอุสซีเอลคือ มีคาห์ที่เป็นหัวหน้าและรองลงมาคืออิสชีอาห์ |
๒๑. ลูกชายของเมรารีคือมาห์ลีและมูชี ลูกชายของมาห์ลีคือ เอเลอาซาร์และคีช |
๒๒. เอเลอาซาร์ตายไปโดยที่ยังไม่มีลูกชาย เขามีแต่ลูกสาวหลายคน พวกลูกชายของคีชที่เป็นญาติกับเขาจึงได้แต่งงานกับพวกนาง |
๒๓. ลูกชายของมูชี มีสามคนคือมาห์ลี เอเดอร์และเยเรโมท |
๒๔. ต่อไปนี้คือรายชื่อลูกหลานของเลวีตามตระกูลของพวกเขา พวกหัวหน้าตระกูลได้ลงทะเบียนไว้ตามจำนวนสมาชิกที่มีชื่อของแต่ละคนที่สามารถทำงานรับใช้ในบ้านของพระยาห์เวห์ คือทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป |
๒๕. เพราะดาวิดได้พูดไว้ว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลได้ให้ประชาชนของพระองค์พักผ่อน และพระองค์ได้มาอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มตลอดไป |
๒๖. ดังนั้นพวกชาวเลวีจึงไม่จำเป็นต้องแบกเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ หรือของใดๆก็ตามที่ใช้กับเต็นท์อีกต่อไป” |
๒๗. เพราะคำพูดสุดท้ายที่ดาวิดได้สั่งไว้คือ ให้นับจำนวนลูกหลานของชาวเลวีทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป |
๒๘. แต่หน้าที่ของชาวเลวีเหล่านี้ คือการช่วยเหลือพวกลูกหลานของอาโรนในการรับใช้อยู่ในบ้านของพระยาห์เวห์ พวกเขาต้องทำหน้าที่ดูแลลานของวิหาร ห้องต่างๆด้านข้าง ต้องทำความสะอาดของศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่าง และทำงานทุกอย่างที่เป็นการรับใช้ภายในบ้านของพระเจ้า |
๒๙. รวมทั้งจัดการเกี่ยวกับเรื่องขนมปังศักดิ์สิทธิ์ที่วางอยู่บนโต๊ะที่อยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ เรื่องแป้งสาลีสำหรับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เรื่องขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟู เรื่องขนมแผ่นปิ้ง เรื่องขนมปังเคล้าน้ำมัน และเรื่องเครื่องตวงเครื่องวัดทุกขนาด |
๓๐. พวกเขามีหน้าที่ยืนขอบคุณและสรรเสริญพระยาห์เวห์ทุกเช้าเย็น |
๓๑. และทุกครั้งที่ประชาชนมาถวายเครื่องเผาบูชาทั้งตัวให้กับพระยาห์เวห์ในวันหยุดทางศาสนาวันพระจันทร์ใหม่ และวันเทศกาลต่างๆพวกเขาจะต้องมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์เป็นประจำตามจำนวนคนที่ได้กำหนดไว้ |
๓๒. และพวกเขาจะต้องรักษากฎเกณฑ์ของเต็นท์นัดพบ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และพวกคำสั่งต่างๆที่ได้รับมาจากพวกลูกหลานของอาโรนญาติของพวกเขา ในเรื่องการรับใช้ภายในบ้านของพระยาห์เวห์ |
๑ พงศาวดาร ๒๔:๑-๓๑ |
๑. ต่อไปนี้เป็นพวกลูกชายของอาโรน คือ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์และอิธามาร์ |
๒. นาดับและอาบีฮูตายก่อนพ่อของพวกเขา โดยที่ยังไม่มีลูกชาย ดังนั้น เอเลอาซาร์และอิธามาร์จึงรับหน้าที่เป็นนักบวช |
๓. ด้วยความช่วยเหลือจากศาโดกที่เป็นลูกหลานของเอเลอาซาร์ และอาหิเมเลคที่เป็นลูกหลานของอิธามาร์ ดาวิดได้แบ่งพวกนักบวชออกตามหน้าที่รับใช้ |
๔. มีหัวหน้าจากครอบครัวของเอเลอาซาร์มากกว่าหัวหน้าจากครอบครัวของอิธามาร์ หัวหน้าจากครอบครัวของเอเลอาซาร์มีสิบหกคน และจากครอบครัวของอิธามาร์มีแปดคน |
๕. พวกเขาได้จับสลากแบ่งกัน ดูว่าใครจะได้ทำหน้าที่อะไร บางคนก็ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ บางคนก็มีหน้าที่เป็นนักบวช พวกเขาทุกคนต่างก็เป็นลูกหลานของเอเลอาซาร์และอิธามาร์ |
๖. เชไมอาห์ลูกชายของเนธันเอลซึ่งเป็นชาวเลวี ทำหน้าที่เลขานุการ คอยจดบันทึกรายชื่อของคนพวกนี้ต่อหน้ากษัตริย์ดาวิด ต่อหน้าพวกเจ้าหน้าที่ ต่อหน้านักบวชศาโดก ต่อหน้าอาหิเมเลคลูกชายของอาบียาธาร์และพวกผู้นำครอบครัวของพวกนักบวชและของพวกชาวเลวี พวกเขาจับสลากสลับกันไประหว่างครอบครัวของเอเลอาซาร์กับของอิธามาร์ |
๗. สลากอันแรกเป็นของเยโฮยาริบ อันที่สองเป็นของเยดายาห์ |
๘. อันที่สามเป็นของฮาริม อันที่สี่เป็นของเสโอริม |
๙. อันที่ห้าเป็นของมัลคิยาห์ อันที่หกเป็นของมิยามิน |
๑๐. อันที่เจ็ดเป็นของฮักโขส อันที่แปดเป็นของอาบียาห์ |
๑๑. อันที่เก้าเป็นของเยชูอา อันที่สิบเป็นของเชคานิยาห์ |
๑๒. อันที่สิบเอ็ดเป็นของเอลียาชีบ อันที่สิบสองเป็นของยาคิม |
๑๓. อันที่สิบสามเป็นของหุปปาห์ อันที่สิบสี่เป็นของเยเชเบอับ |
๑๔. อันที่สิบห้าเป็นของบิลกาห์ อันที่สิบหกเป็นของอิมเมอร์ |
๑๕. อันที่สิบเจ็ดเป็นของเฮซีร์ อันที่สิบแปดเป็นของฮัปปิเซส |
๑๖. อันที่สิบเก้าเป็นของเปธาหิยาห์ อันที่ยี่สิบเป็นของเยเฮเซเคล |
๑๗. อันที่ยี่สิบเอ็ดเป็นของยาคีน อันที่ยี่สิบสองเป็นของกามูล |
๑๘. อันที่ยี่สิบสามเป็นของเดไลยาห์ อันที่ยี่สิบสี่เป็นของมาอาซิยาห์ |
๑๙. คนพวกนี้ได้รับเลือกมาให้รับใช้อยู่ภายในบ้านของพระยาห์เวห์ ตามกฎที่อาโรนบรรพบุรุษของพวกเขาได้ตั้งไว้ให้กับพวกเขา พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนชาติอิสราเอลได้มอบกฎนี้ไว้กับอาโรน |
๒๐. ส่วนชาวเลวีคนอื่นๆที่เหลือ ประกอบไปด้วย จากลูกหลานของอัมราม คือ ชูบาเอล จากลูกหลานของชูบาเอล คือ เยเดยาห์ |
๒๑. ส่วนเรหับยาห์ จากลูกหลานของเขาคืออิสชีอาห์ที่เป็นหัวหน้า |
๒๒. จากคนอิสฮาร์ คือ เชโลโมท จากลูกหลานของเชโลโมท คือ ยาหาท |
๒๓. ลูกชายของเฮโบรน คือ เยรียาห์ที่เป็นหัวหน้า ลูกชายคนที่สองคืออามาริยาห์ ลูกชายคนที่สามคือยาฮาซีเอล ลูกชายคนที่สี่คือเยคาเมอัม |
๒๔. จากลูกหลานของอุสซีเอลคือมีคาห์ จากลูกหลานของมีคาห์คือชามีร์ |
๒๕. น้องชายของมีคาห์คืออิสชีอาห์ จากลูกหลานของอิสชีอาห์คือเศคาริยาห์ |
๒๖. จากลูกหลานของเมรารี คือ มาห์ลีและมูชี และบรรดาลูกหลานของยาอาซียาห์ลูกชายของเขา |
๒๗. จากลูกหลานของเมรารี ที่มาจากยาอาซียาห์ลูกชายของเขา คือ โชฮัม ศักเกอร์และอิบรี |
๒๘. จากมาห์ลี คือ เอเลอาซาร์ซึ่งไม่มีลูกชาย |
๒๙. จากคีช ลูกหลานของเขาคือเยราเมเอล |
๓๐. ลูกหลานของมูชีคือ มาห์ลี เอเดอร์และเยรีโมท คนเหล่านี้คือพวกผู้นำของครอบครัวชาวเลวี |
๓๑. คนเหล่านี้ได้จับสลากแบ่งหน้าที่กัน เหมือนกับญาติๆของพวกเขาที่เป็นพวกนักบวชซึ่งเป็นลูกหลานของอาโรน พวกเขาจับสลากกันต่อหน้ากษัตริย์ดาวิด ศาโดก อาหิเมเลคและพวกผู้นำครอบครัวของพวกนักบวชและพวกชาวเลวี ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของลูกหัวปี หรือ ลูกคนสุดท้อง ก็จับสลากเหมือนกันหมด |
๑ พงศาวดาร ๒๕:๑-๓๐ |
๑. ดาวิดและพวกเจ้าหน้าที่ของกองทัพได้แบ่งงานด้านการร้องเพลงให้กับพวกลูกหลานของอาสาฟ ของเฮมานและของเยดูธูน ซึ่งพวกเขาจะได้พูดแทนพระเจ้าโดยร้องคลอไปกับพิณเล็ก พิณใหญ่และฉาบ ต่อไปนี้คือรายชื่อของคนที่ทำงานรับใช้ด้านนี้ |
๒. จากลูกหลานของอาสาฟ คือ ศักเกอร์ โยเซฟ เนธานิยาห์และอาซาเรลาห์ ทั้งหมดนี้เป็นลูกหลานของอาสาฟ ภายใต้การนำของอาสาฟ พวกเขาจะพูดแทนพระเจ้าตามคำสั่งของกษัตริย์ดาวิด |
๓. จากเยดูธูน พวกลูกหลานของเขาคือ เกดาลิยาห์ เศรี เยชายาห์ ชิเมอิ ฮาชาบิยาห์และมัททีธิยาห์ รวมทั้งหมดหกคน พวกเขาอยู่ภายใต้การนำของเยดูธูน พ่อของพวกเขา ผู้ที่พูดแทนพระเจ้าไปพร้อมๆกับพิณเล็ก และพวกเขารับผิดชอบในเรื่องการขอบคุณและการสรรเสริญพระยาห์เวห์ด้วย |
๔. จากเฮมาน ลูกหลานของเขาคือ บุคคิยาห์ มัทธานิยาห์ อุสซีเอล เชบูเอล เยรีโมท ฮานานิยาห์ ฮานานี เอลียาธาห์ กิดดาลที โรมัมทีเอเซอร์ โยชเบคาชาห์ มัลโลธี โฮธีร์และมาหะซิโอท |
๕. คนเหล่านี้เป็นลูกหลานของเฮมานซึ่งเป็นผู้ทำนายของกษัตริย์ดาวิด พระเจ้าได้สัญญาที่จะทำให้เฮมานแข็งแรง พระเจ้าจึงให้เฮมานมีลูกชายถึงสิบสี่คนและมีลูกสาวสามคน |
๖. พวกเขาทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การนำของพ่อของพวกเขา ในเรื่องการร้องเพลงในวิหารของพระยาห์เวห์ โดยร้องคลอไปกับฉาบ พิณใหญ่และพิณเล็ก เป็นการรับใช้อยู่ในบ้านของพระเจ้า อาสาฟ เฮมานและเยดูธูนอยู่ภายใต้คำสั่งของกษัตริย์ดาวิด |
๗. คนพวกนี้และญาติๆของพวกเขาที่มาจากเผ่าเลวี ได้รับการฝึกฝนในเรื่องดนตรีมา พวกเขาทุกคนล้วนมีความชำนาญในการร้องเพลงสรรเสริญพระยาห์เวห์ พวกเขามีจำนวนทั้งหมดสองร้อยแปดสิบแปดคน |
๘. พวกเขาทุกคน ทั้งหนุ่มและแก่ ทั้งครูและนักเรียน ต่างก็ต้องจับสลากแบ่งหน้าที่กัน |
๙. สลากอันแรกตกเป็นของพวกอาสาฟคือโยเซฟ ญาติๆและลูกหลานของเขา รวมทั้งหมดสิบสองคน อันที่สองตกเป็นของเกดาลิยาห์ ญาติๆและลูกหลานของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๑๐. อันที่สามตกเป็นของศักเกอร์ ลูกหลานของเขาและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๑๑. อันที่สี่ตกเป็นของอิสรี ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๑๒. อันที่ห้าตกเป็นของเนธานิยาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๑๓. อันที่หกตกเป็นของบุคคิยาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๑๔. อันที่เจ็ดตกเป็นของเยชาเรลาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๑๕. อันที่แปดตกเป็นของเยชายาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๑๖. อันที่เก้าตกเป็นของมัทธานิยาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๑๗. อันที่สิบตกเป็นของชิเมอี ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๑๘. อันที่สิบเอ็ดตกเป็นของอาซาเรล ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๑๙. อันที่สิบสองตกเป็นของฮาชาบิยาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๒๐. อันที่สิบสามตกเป็นของชูบาเอล ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๒๑. อันที่สิบสี่ตกเป็นของมัททีธิยาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๒๒. อันที่สิบห้าตกเป็นของเยเรโมท ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๒๓. อันที่สิบหกตกเป็นของฮานานิยาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๒๔. อันที่สิบเจ็ดตกเป็นของโยชเบคาชาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๒๕. อันที่สิบแปดตกเป็นของฮานานี ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๒๖. อันที่สิบเก้าตกเป็นของมัลโลธี ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๒๗. อันที่ยี่สิบตกเป็นของเอลียาธาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๒๘. อันที่ยี่สิบเอ็ดตกเป็นของโฮธีร์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๒๙. อันที่ยี่สิบสองตกเป็นของกิดดาลที ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
๓๐. อันที่ยี่สิบสามตกเป็นของมาหะซิโอท ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน |
สดุดี ๗๘:๔๐-๕๕ |
๔๐. พวกเขากบฏต่อพระองค์หลายครั้งหลายคราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น พวกเขาทำให้พระองค์เสียใจในดินแดนนั้น |
๔๑. พวกเขาลองดีกับพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า และทำให้องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลต้องเจ็บปวดใจ |
๔๒. พวกเขาไม่เคยจดจำฤทธิ์อำนาจของพระองค์ หรือจดจำวันที่พระองค์ช่วยกู้พวกเขาให้รอดพ้นจากศัตรู |
๔๓. หรือเวลาที่พระองค์ได้ทำการอัศจรรย์ในประเทศอียิปต์ หรือที่พระองค์ได้แสดงสิ่งน่าทึ่งต่างๆในแคว้นโศอัน |
๔๔. พระองค์เปลี่ยนแม่น้ำให้กลายเป็นเลือด พวกเขาจึงไม่สามารถดื่มน้ำจากลำธารได้ |
๔๕. พระองค์ให้เหลือบมากัดพวกเขา และส่งกบทั้งหลายมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง |
๔๖. พระองค์ยกพืชผลของพวกเขาให้กับตั๊กแตนวัยคลาน และยกผลผลิตของพวกเขาให้กับตั๊กแตนวัยบิน |
๔๗. พระองค์ทำให้ลูกเห็บตกลงมาทำลายเถาองุ่นของชาวอียิปต์ พระองค์ทำให้ฝนตกห่าใหญ่ทำลายผลมะเดื่อของพวกเขา |
๔๘. พระองค์ส่งลูกเห็บลงมาฆ่าฝูงวัวของพวกเขา และให้ฟ้าผ่าฝูงสัตว์ของเขา |
๔๙. พระองค์แสดงความเคืองแค้นอันร้อนแรงของพระองค์ต่อชนชาวอียิปต์ พระองค์ส่ง ความเกรี้ยวโกรธ ความเดือดดาล และความอาฆาตแค้นเป็นคณะทูตมาทำลายล้างพวกเขา |
๕๐. พระองค์ระบายความโกรธของพระองค์ออกมาอย่างเต็มที่ พระองค์ไม่ได้ไว้ชีวิตของชาวอียิปต์แต่กลับยกพวกเขาให้ตายด้วยโรคระบาด |
๕๑. พระเจ้าฆ่าลูกชายหัวปีทั้งหมดในอียิปต์ พระองค์ทำลายสิ่งที่พิสูจน์ถึงความเป็นชายของครอบครัวทั้งหลายของฮาม |
๕๒. แต่พระเจ้านำทางคนของพระองค์ออกจากที่นั่นเหมือนนำแกะ และพระองค์นำทางพวกเขาในที่เปล่าเปลี่ยวเหมือนนำฝูงสัตว์ |
๕๓. พระเจ้านำพวกเขาสู่ความปลอดภัย พวกเขาจึงไม่ต้องหวาดกลัว เพราะพระเจ้าทำให้ศัตรูของพวกเขาถูกน้ำทะเลซัดกลบตายหมด |
๕๔. แล้วพระเจ้าก็นำพวกเขาไปถึงพรมแดนของแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ คือดินแดนแห่งเนินเขาที่พระองค์ยึดมาด้วยมือขวาอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ |
๕๕. แล้วพระองค์ก็ขับไล่ชนชาติต่างๆออกไปต่อหน้าคนของพระองค์ พระองค์แบ่งปันดินแดนนั้นให้กับเผ่าต่างๆของอิสราเอลและให้พวกเขาตั้งถิ่นฐานอยู่ในบ้านทั้งหลายของศัตรู |
สุภาษิต ๒๐:๓-๓ |
๓. คนที่หลีกเลี่ยงการทะเลาะกันนั้นน่านับถือ แต่คนโง่ชอบโต้เถียงกัน |
กิจการของอัครทูต ๙:๒๒-๔๓ |
๒๒. เซาโลเทศนาอย่างมีพลังมากยิ่งขึ้นว่าพระเยซูคือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ จนทำให้คนยิวในเมืองดามัสกัสถึงกับเถียงไม่ออก |
๒๓. ต่อมาหลายวัน พวกยิววางแผนที่จะฆ่าเซาโล |
๒๔. แต่เซาโลรู้แผนนั้นเสียก่อน พวกนั้นคอยเฝ้าอยู่ที่ประตูเมืองทั้งกลางวันกลางคืนเพื่อจะฆ่าเซาโล |
๒๕. แต่พวกศิษย์บางคนที่เซาโลเคยสอนได้พาเขาหนีไปตอนกลางคืน โดยให้เขานั่งในเข่ง แล้วค่อยๆหย่อนเข่งนั้นผ่านช่องกำแพงเมืองลงไปข้างล่าง |
๒๖. เมื่อเซาโลกลับมาถึงเมืองเยรูซาเล็ม เขาพยายามจะเข้าร่วมกับพวกศิษย์ของพระเยซู แต่พวกนั้นต่างหวาดกลัว เพราะไม่เชื่อว่าเซาโลเป็นศิษย์ของพระเยซูจริง |
๒๗. แต่บารนาบัสพาเขาไปพบพวกศิษย์เอก และอธิบายให้ฟังว่า ในระหว่างทางเซาโลเจอองค์เจ้าชีวิตได้อย่างไร แล้วพระองค์พูดอะไรกับเซาโลบ้าง บารนาบัสยังเล่าอีกว่า ตอนอยู่ที่เมืองดามัสกัสนั้น เซาโลสอนเรื่องของพระเยซูด้วยความกล้าขนาดไหน |
๒๘. พวกศิษย์ก็เลยยอมรับเซาโลมาอยู่ด้วย เขาไปไหนมาไหนอย่างอิสระในเมืองเยรูซาเล็ม และสอนเรื่องขององค์เจ้าชีวิตอย่างกล้าหาญ |
๒๙. เขาพูดโต้แย้งกับพวกยิวที่พูดภาษากรีก แต่พวกนั้นกลับพยายามที่จะฆ่าเขา |
๓๐. เมื่อพวกพี่น้องรู้เรื่องนี้เข้าก็พาเซาโลลงไปที่เมืองซีซารียา และส่งเขาต่อไปที่เมืองทาร์ซัส |
๓๑. จากนั้นหมู่ประชุมของพระเจ้าทั่วทั้งแคว้นยูเดีย กาลิลีและสะมาเรีย ก็อยู่ในช่วงเวลาที่สงบสุข และมีกำลังเข้มแข็งขึ้น เพราะหมู่ประชุมของพระเจ้ามีความเคารพยำเกรงองค์เจ้าชีวิต และได้รับกำลังใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงทำให้มีคนที่เชื่อในพระเยซูเพิ่มมากขึ้น |
๓๒. เมื่อเปโตรเดินทางไปทั่วทุกหนทุกแห่งแล้ว เขาได้ไปเยี่ยมคนที่เป็นของพระเจ้าที่อยู่ในเมืองลิดดา |
๓๓. ที่นั่นเขาพบชายคนหนึ่งชื่อไอเนอัส ซึ่งเป็นอัมพาตนอนอยู่บนที่นอนมาแปดปีแล้ว |
๓๔. เปโตรพูดกับเขาว่า “ไอเนอัส พระเยซูผู้เป็นพระคริสต์ได้รักษาคุณแล้ว ลุกขึ้นมาเก็บที่นอนเถอะ” แล้วไอเนอัสก็ลุกขึ้นมาทันที |
๓๕. เมื่อทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองลิดดาและเมืองชาโรนเห็นไอเนอัส พวกเขาก็หันมาติดตามองค์เจ้าชีวิต |
๓๖. ที่เมืองยัฟฟา มีศิษย์คนหนึ่งชื่อทาบิธา ตามภาษากรีกเรียกว่า “โดรคัส” เธอหมั่นทำความดีอยู่เสมอและให้ทานกับคนยากจน |
๓๗. ในช่วงนั้น เธอไม่สบายและตายไป พวกเขาจึงอาบน้ำศพ และวางร่างเธอไว้ในห้องชั้นบนเพื่อรอจะเอาไปฝัง |
๓๘. เมืองลิดดาอยู่ใกล้กับเมืองยัฟฟา เมื่อพวกศิษย์ของพระเยซูได้ยินว่าเปโตรอยู่ในเมืองลิดดา พวกเขาก็ส่งชายสองคนไปอ้อนวอนเขาว่า “ช่วยมากับเราเร็วๆด้วยเถิด” |
๓๙. เปโตรจึงจัดของและเดินทางไปกับพวกเขา เมื่อไปถึง พวกเขาก็พาเปโตรขึ้นไปที่ห้องชั้นบน มีพวกแม่ม่ายยืนร้องไห้รอบๆเปโตรอยู่ และชี้ให้เปโตรดูเสื้อคลุมและเสื้อผ้าต่างๆที่โดรคัสทำไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ |
๔๐. เปโตรจึงให้ทุกคนออกไปนอกห้อง แล้วเขาก็คุกเข่าลงอธิษฐาน โดยหันหน้าไปที่ศพแล้วพูดว่า “ทาบิธา ลุกขึ้น” เธอก็ลืมตาขึ้นมาทันที และเมื่อเห็นเปโตรเธอก็ลุกขึ้นนั่ง |
๔๑. เปโตรจึงยื่นมือช่วยพยุงเธอลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เรียกพวกคนที่เป็นของพระเจ้าและพวกแม่ม่ายเข้ามา และให้พวกเขาเห็นว่าโดรคัสฟื้นจากความตายแล้ว |
๔๒. เรื่องนี้รู้กันไปทั่วเมืองยัฟฟาทำให้มีคนมาไว้วางใจในองค์เจ้าชีวิตเป็นจำนวนมาก |
๔๓. เปโตรอยู่บ้านของซีโมนช่างฟอกหนังในเมืองยัฟฟาต่อไปอีกหลายวัน |